WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันจันทร์ ที่ 25 พฤศจิกายน 2567 ติดต่อเรา
“ดร.กอบศักดิ์” เห็นด้วยภาครัฐออกพรบ.กู้เงิน แจกเงินดิจิทัล

13 พฤศจิกายน 2566 : ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ในฐานะประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) และกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในกรณีมาตรการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทของรัฐบาล ที่จะมีการออกเป็นพระราชบัญญัติกู้เงิน(พรบ.กู้เงิน) ในวงเงินกว่า 500,000 ล้านบาทนั้น ถือเป็นการแนวทางที่ถูกต้อง เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และ มีผู้ตรวจสอบ มองว่า โครงการดังกล่าวคาดว่า จะก่อหนี้ให้กับประเทศเพิ่ม 2-3% แต่คงไม่ถึงกับไปกระทบให้ถูกปรับลดเครดิตเรทติ้งของประเทศไทยต่อย่างใด

"การออกพรบ.เงินกู้ถือว่า มาถูกทางแล้ว จากเดิมที่ไม่มีความชัดเจนว่า จะนำเงินมาจากไหนกู้จากธนาคาร หรือ อื่นๆ ซึ่งเมื่อมีพรบ. ก็จะเป็นการปกป้องตัวเองของรัฐบาลด้วย" ดร.กอบศักดิ์ กล่าว

พร้อมกันนี้ ทาง FETCO จะเข้าพบปลัดกระทรวงการคลัง เพื่อหารือเกี่ยวกับกองทุนเพื่อการออม (SSF) ที่จะหมดอายุในปี 2567 ในวันนี้ (14 พ.ย.2566) เป้าหมายหลักในการหารือครั้งนี้ คือ ความคืบหน้ากองทุน SSF ที่ครบอายุว่าจะมีการต่ออายุกองทุนหรือไม่อย่างไร

หากมีการต่ออายุกองทุนอยากให้มีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขลงทุนให้เหมือนกับกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) คือ เน้นลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นหลัก รวมถึงระยะเวลาการลงทุนให้น้อยกว่า 10 ปี เชื่อว่ากองประหยัดภาษีภายใต้การปรับเงื่อนไขการลงทุนดังกล่าว จะหนุนให้ตลาดหุ้นไทยกลับมาคึกคักได้

ดร.กอบศักดิ์ กล่าวอีกว่า ช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง มองว่า หากหุ้นปรับตกลงอีกไม่ต้องตกใจ มองเป็นจังหวะเข้าสะสมในหุ้นพื้นฐานดี เช่น หุ้นธนาคารพาณิชย์ ที่มีความแข็งแรงมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ

และหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวเนื่องจากรับการฟื้นตัวในช่วงไฮซีซั่น ประกอบกับ หุ้นต่างประเทศก็น่าสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี ด้านกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย หรือ ฟันด์โฟว์นั้น ในปัจจุบันสหรัฐยังคงดำเนิน QE เพื่อดูดสภาพคล่องกลับ ซึ่งหวังว่า เมื่อปัญหาภายในประเทศคลี่คลาย หรือมีความชัดเจนของภาครัฐ  ฟันด์โฟว์จะไหลกลับมาได้ในที่สุด รวมถึงหากเศรษฐกิจไทยเติบโตจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และ มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะสามารถดึงดูดฟันด์โฟลว์กลับมาได้

และคาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ที่ 3-4% ถือว่าเป็นระดับที่ไม่สูง มองว่า ทิศทางเศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยงสูงทั้งยุโรป และ จีน ที่ยังมีปัญหา ในขณะที่ภาวะสงครามยังน่าเป็นห่วง จึงเป็นปัจจัยกดดันจีดีพีของไทยอยู่ แต่ปีหน้าอาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องเน้นในเรื่องของการเติบโตของเศรษฐกิจจนเกินไปจึงควรดูแลปัจจัยภายประเทศให้พร้อมกับการรุกเมื่อโอกาสเอื้ออำนวยกว่านี้ ซึ่งปี 2568 น่าจะเป็นปีสามารถเหยียบคันเร่งได้อย่างเต็มที่

ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะยังคงในระดับเดิม เนื่องจากประเด็นหลักในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เป็นการปรับไปสู่ระดับปกติ รวมถึงจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากกระเป๋าเงินดิจิทัลออกมาจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จึงไม่มีความจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจ

ขณะที่ค่าเงินบาทที่ค่อนข้างผันผวนในช่วงที่ผ่านมาก็น่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้นเมื่อเศรษฐกิจไทยเริ่มกระเตื้องขึ้นอยากให้รัฐบาลมีมาตรการฟรีวีซ่าระยะยาวให้กับคนอินเดีย เพราะปัจจุบันอินเดียยังไม่ตัดสินใจว่า จะไปที่ไหน ถ้าดึงดูดได้จะหนุนการท่องเที่ยวฟื้นตัว 

การเงิน ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP