8 พฤศจิกายน 2566 : นายกรณ์ ชินสวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แรบบิท ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ Rabbit Life กล่าวว่า แรบบิทไลฟ์ คาดว่าเป้าหมายการขยายเบี้ยประกันชีวิตรับโดยรวมสิ้นปีนี้มีประมาณ 2,800 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าปี 2567 ไว้ว่าจะมีเบี้ยรับรวมเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะเข้าถึงลูกค้าในทุกกลุ่ม แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่ม Gen y และ Gen x ประมาณ 80% ซึ่งเรากำลังพยายามที่จะทำตลาดให้กลุ่ม Gen z ให้เติบโตเพิ่มขึ้นมา 10-20% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 10%

ปัจจุบันมีฐานลูกค้าประมาณ 5-6 หมื่นกรมธรรม์ พยายามให้เพิ่มขึ้น 2,000 - 3,000 ราย/เดือน สำหรับผลงานปัจจุบัน 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.66) บริษัทมีเบี้ยประกันรับทะลุ 1,800 บาท แล้ว ซึ่งเมื่อเทียบกับที่ปีที่ผ่านมา 2565 เป็นยอดของทั้งปี ขยายการเติบโตได้ประมาณ 40% ซึ่งเป็นปีที่ดีของเรา ดังนั้น คาดว่าถึงสิ้นปีนี้เบี้ยประกันรับรวมคงจบประมาณ 2,300 ล้านบาท

ส่วนปัจจัยที่ทำให้บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตที่รวดเร็วส่วนหนึ่งมาจากจำนวนตัวแทนที่เพิ่มขึ้นเป็น 700 คน และโบรกเกอร์อีกหลายรายที่ตบเท้าเข้าร่วมงานกับแรบบิท ไลฟ์ โดยเราพยายามเน้นผลิตภัณฑ์ที่ง่ายต่อการให้บริการ เพื่อให้ตัวแทนร่วมงานกับเราแล้วทำงานง่ายขึ้น สำหรับช่องทางการขยายตลาดนั้น บริษัทมี 5 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่เป็นลูกหม้อของบริษัทก็คือ Wealth Management ที่ขายประกัน ticket ใหญ่ โดยขายได้ประมาณ 800-1,000 ล้านต่อปี และช่องทางเทเลเซลล์ก็จะมีเบี้ยประมาณ 100-200 ล้านบาท ที่เป็นช่องทางที่ทำมานานและฐานลูกค้าเหนียวแน่น

และปีนี้ได้รับเกียรติจากโบรกเกอร์ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ใหม่ในกลุ่ม BTS ช่วยขยายตลาดปีนี้ประมาณ 300-400 ล้านบาท ซึ่งเป็นปีแรกที่ทำงานด้วยกันโดยมีประกันกลุ่มประมาณ 100 ล้านบาทและช่องทางตัวแทน (agency) ปัจจุบันมีผลงานอยู่ประมาณ 300 ล้านบาท ที่ช่วยผลักดันให้เติบโตทางด้านประกันสุขภาพ โดยทางทีมเทเลเซลล์จะขายเบี้ยระยะกลาง 10 ปี 15 ปี ส่วนทางทีม Wealth Management และทีมออนไลน์ก็จะขายเบี้ยที่เป็นสั้นลง 3 ปี 5 ปีกระจายตามฐานลูกค้าที่มีแต่ละท่านทำงานที่ตนเองถนัด

"ความฝันของผมปีหน้าเราจะต้องมีผลงานเกิน 3,000 ล้านบาท โดยตลาดประกันชีวิตโดยรวมประมาณ 6 แสนกว่าล้านบาท โดยทั่วๆไปตลาดประกันชีวิตก็จะโตใกล้เคียงกับ GDP เพราะฉะนั้น เรามองว่าสัก 3-4% ของ GDP ก็ประมาณ 20,000 กว่าล้านบาทสำหรับเบี้ยใหม่ ผมก็ขอมีส่วนร่วมในเบี้ยนั้นเพราะเราไม่ได้เป็นบริษัทใหญ่ " นายกรณ์ กล่าว

นายกรณ์ กล่าวต่อไปถึง เป้าหมายปี 2567 ที่คาดว่าจะขยายตลาดให้ถึง 3,000 ล้านบาทนั้น มีกลยุทธ์ที่จะออกผลิตภัณฑ์ประกันยูนิตลิงค์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมระบบหลังบ้าน และส่งแบบประกันให้ทางสำนักงานคปภ. พิจารณา คาดว่าจะสามารถให้บริการได้ประมาณไตรมาสที่ 3 หรือ 4 รวมไปถึงการออกสินค้าใหม่สำหรับการเจาะตลาดกลุ่ม gen z ที่สามารถตอบโจทย์การนำไปหักลดหย่อนภาษีได้โดยพ่วงกับประกันสุขภาพ เป็นต้น 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีเป้าหมายที่จะร่วมงานกับทางกลุ่ม BTS และกลุ่มธุรกิจ rabbit ปัจจุบันมี rabbit care ที่เป็นโบรกเกอร์ เนื่องจากมีความชำนาญทางด้าน online marketing เขาจะตามหาลูกค้าออนไลน์ได้เก่งกว่าเรา และเรามี rabbit cash ที่เป็นบริษัทนาโนไฟแนนซ์ ซึ่งทำคอลแลปร่วมกันแล้วเขาไปขายนาโนไฟแนนซ์และมี PA แถมให้ ในทางกลับกันตัวแทนเราก็อยู่ในกระบวนการที่จะช่วยขายสินเชื่อให้เขาด้วยเป็นทางเลือกเพิ่มเติมให้กับลูกค้า อีกทั้งในกลุ่มก็ยังมีความสัมพันธ์กับบริษัทโฆษณาก็จะเห็นสื่อโฆษณาของเรามากขึ้นเพื่อให้ไปถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น รวมไปถึงมี rabbit reward เวลาขึ้นรถไฟฟ้าแล้วก็จะได้แต้มสามารถนำแต้มมาแลกซื้อของได้ในอนาคตก็จะสามารถนำแต้มมาแลกซื้อประกันได้ด้วยเช่นกันโดยเทรนด์ปีหน้าน่าจะเห็นเป็นรูปเป็นร่างอย่างแน่นอน

"ส่วนทางด้านพอร์ตลงทุนมีประมาณ 7,000 ล้านบาท โดยสัดส่วน 40-50% เป็นหุ้นกู้ที่ส่วนใหญ่เป็นเรตติ้ง A ขึ้นไป  ประมาณกว่า 20 % เป็นพันธบัตรรัฐบาลและอีกกว่า 10% เป็นเงินกู้กับธุรกิจที่บริษัทฯ ปล่อยกู้ให้กับธุรกิจรายใหญ่หรือปล่อยสินเชื่อที่เหลือก็มี policy loan บ้าง แต่สำหรับการลงทุนในหุ้นมีเพียง 2-3% เท่านั้น เนื่องจากตนมีความเชื่อว่าประกันชีวิตไม่ควรถือหุ้นไว้มากเนื่องจากตลาดมีความผันผวน ส่วนผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 3.7- 3.8%  ตั้งเป้าปีนี้ 4%   และอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (Capital Adequacy Ratio : CAR) มีประมาณกว่า 300 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลกำไรสิ้นปีนี้คาดว่าประมาณ 100-200 ล้านบาท โดยสิ้นปีที่แล้วได้ประมาณ 300 กว่าล้านบาท กำไรลดลงก็เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยมีผลปัจจัยสำคัญ" นายกรณ์ กล่าว

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทฯ จัดงาน  HOP & SEE to Level Up Life    มุ่งเน้นโจทย์หลัก “คิดแตกต่าง เพื่อยกระดับชีวิต ด้วยประกันชีวิตที่ตอบโจทย์และเข้าใจง่าย” ในการทำอีเวนต์รูปแบบผสมผสานงาน Art Exhibition ซึ่ง Rabbit Life เพื่อทำ Brand Collaboration กับโดยร่วมมือกับศิลปิน  Street Artist  คุณ Benzilla  นำจุดเด่นของความเป็นศิลปะมาผสมผสานกับการเล่าเรื่องความสนุกของประกันชีวิต และความเป็นตัวตนที่แตกต่างของแบรนด์ Rabbit Life เข้าด้วยกัน ให้ออกมาเป็นรูปแบบการสื่อสารประกันชีวิตในรูปแบบใหม่

อีกทั้งยังดึงเอา Pain Point ของลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มองว่าประกันชีวิตเป็นเรื่องยากมาเปลี่ยนมุมมองให้เป็นเรื่องที่สนุก เข้าใจง่าย โดยใช้งานศิลปะเป็นสื่อกลาง พร้อมกิจกรรมต่าง ๆ ให้สามารถเข้ามามีส่วนร่วม และสนุกไปพร้อมกันได้ เพื่อให้ทุกคนได้รู้จักและมีประสบการณ์ที่ดีร่วมกับแบรนด์ประกันชีวิต Rabbit Life ไปพร้อมกัน