22 ธันวาคม 2559 : นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2559 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการคลัง โดยธนาคารออมสินดำเนิน โครงการลดดอกเบี้ยให้ประชาชนรายย่อย เพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อย และผู้มีรายได้น้อยที่เป็นลูกค้าของธนาคารออมสิน ที่มีวงเงินกู้หรือหนี้ค้างชำระไม่เกินรายละ 300,000 บาท ซึ่งสรุปหลักเกณฑ์ได้ดังนี้
1. ลูกค้าที่มีประวัติการชำระหนี้ดี 12 เดือนติดต่อกัน (ระหว่างเดือนธันวาคม 2559 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2560) จะได้รับคืนดอกเบี้ยร้อยละ 30 ของดอกเบี้ยที่ชำระในรอบระยะเวลา 12 เดือน โดยโอนเงินเข้าบัญชีให้กับลูกค้าหรือนำไปหักเงินต้นคงเหลือ
2. ลูกค้าที่มีหนี้ค้างชำระและลูกค้าที่ตัดหนี้สูญไปแล้ว จะปรับโครงสร้างหนี้เฉพาะในส่วนของต้นเงินกู้ และพักดอกเบี้ยผิดนัดและดอกเบี้ยปกติในช่วงเวลาที่ผิดนัด และหากลูกค้าสามารถผ่อนชำระได้ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 12 เดือน ธนาคารออมสินจะยกดอกเบี้ยผิดนัดที่พักไว้และคืนดอกเบี้ยที่ชำระในรอบระยะเวลา 12 เดือน จำนวนร้อยละ 30 เพื่อนำไปลดจำนวนดอกเบี้ยปกติที่พักไว้ โดยคาดว่าลูกค้าได้รับของขวัญจำนวน 394,929 ราย
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังได้ดำเนินโครงการผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจอีก 2 แห่ง ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อมอบเป็นของขวัญให้แก่ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 นี้ ซึ่งสรุปรายละเอียดโครงการต่าง ๆ ได้ดังนี้
มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อย ผ่านระบบ ธ.ก.ส. ที่มีวงเงินกู้หรือหนี้ค้างชำระไม่เกินรายละ 300,000 บาท ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2559 ประกอบด้วย 3 โครงการ ได้แก่
1. โครงการชำระดีมีคืนแก่เกษตรกรที่ไม่มีปัญหาการชำระหนี้ ธ.ก.ส. จะคืนดอกเบี้ยในส่วนที่ชำระระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 – 31 ตุลาคม 2560 ในอัตราร้อยละ 30 ของจำนวนดอกเบี้ยที่ชำระ โดยนำดอกเบี้ยที่คืนให้ลูกค้ามาลดภาระหนี้โดยตัดเงินต้นให้ลูกค้าในกรณีที่มีหนี้คงเหลือและคืนให้ลูกค้าเป็นเงินสดในกรณีที่ไม่มีหนี้คงเหลือ ทั้งนี้ คาดว่าลูกค้าจะได้รับของขวัญจำนวน 2,220,000 ราย
2. โครงการปลดเปลื้องหนี้สินให้เกษตรกรรายย่อยที่มีเหตุผิดปกติ เช่น เสียชีวิต พิการ ทุพพลภาพ เจ็บป่วยเรื้อรัง หากไม่มีหลักประกันจำนองและไม่มีทายาทรับช่วงการผลิต ธ.ก.ส. จะยกหนี้ให้ แต่หากมีหลักประกันจำนองและมีทายาทรับช่วงการผลิต ธ.ก.ส. จะปรับปรุงโครงสร้างหนี้จากต้นเงินร้อยละ 50 ระยะเวลา 5 ปี โดยพักชำระต้นเงิน 2 ปี อัตราดอกเบี้ย MRR และพักต้นเงินที่เหลือพร้อมทั้งดอกเบี้ยค้างชำระก่อนเข้าโครงการไว้ โดยเมื่อทายาทชำระหนี้ได้ตามกำหนดจะลดดอกเบี้ยที่พักไว้ให้ทั้งจำนวน ส่วนต้นเงินที่พักไว้จะพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ในภายหลัง ทั้งนี้ คาดว่าลูกค้าจะได้รับของขวัญจำนวน 135,000 ราย
3. โครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และลดภาระหนี้สินให้เกษตรกร กรณีเป็นเกษตรกรที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และมีทายาทเข้าเป็นลูกค้าแทน ธ.ก.ส. จะรับทายาทเข้าเป็นลูกค้าแทนเกษตรกรรายเดิม และจะปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้แก่ทายาท โดยให้ชำระต้นเงินร้อยละ 50 ภายใน 5 ปี และพักชำระต้นเงิน 2 ปี อัตราดอกเบี้ย MRR ส่วนต้นเงินที่เหลือพร้อมทั้งดอกเบี้ยค้างชำระก่อนเข้าโครงการให้พักไว้ โดยเมื่อทายาทชำระหนี้ได้ตามกำหนดจะลดดอกเบี้ยที่พักไว้จำนวนร้อยละ 80
ส่วนต้นเงินที่พักไว้จะพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ในภายหลัง ส่วนกรณีเกษตรกรที่มีหนี้เป็นภาระหนัก และไม่มีทายาท โดยเป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ไม่น้อยกว่า 5 ปี ธ.ก.ส. จะปรับปรุงโครงสร้างหนี้จากต้นเงินร้อยละ 50 และเมื่อชำระหนี้ได้ตามกำหนดจะลดดอกเบี้ยที่พักไว้จำนวนร้อยละ 50 ส่วนต้นเงินที่พักไว้จะพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ในภายหลัง ทั้งนี้ คาดว่าลูกค้าจะได้รับของขวัญจำนวน 540,000 ราย
นอกจากนี้ โครงการของขวัญปีใหม่ 2560 โดย ธอส.จะจ่ายเงินจำนวน 1,000 บาท ให้กับผู้กู้ที่มีประวัติผ่อนชำระหนี้ดีย้อนหลัง 48 เดือน ไม่เป็นหรือไม่เคยเป็นสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) และมีวงเงินกู้รวมทุกบัญชีไม่เกิน 1,000,000 บาท เพื่อส่งเสริมการมีวินัยทางการเงินในการผ่อนชำระเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของกลุ่มลูกค้าผู้มีรายได้น้อยของ ธอส. และเติมกำลังซื้อให้กับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยเพื่อให้เกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ ทั้งนี้ คาดว่าลูกค้าที่จะได้รับของขวัญจำนวน 178,310 ราย
นายกฤษฎาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการดังกล่าวข้างต้นมีกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมทั้งเกษตรกร และผู้มีรายได้น้อย เป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถือเป็นการมอบของขวัญให้แก่ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 ที่ใกล้จะถึงนี้