9 ตุลาคม 2566 : มร.โทมัส วิลสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า “อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต สร้างผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง ด้วยผลประกอบการครึ่งปีแรกเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 17,336 ล้านบาท เติบโตที่ 7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่เบี้ยประกันภัยรับปีแรกเติบโต 9% อยู่ที่ 3,588 ล้านบาท โดยมาจากช่องทางตัวแทน 1,454 ล้านบาท เติบโต 9% ช่องทางขายผ่านธนาคาร 1,299 ล้านบาท เติบโต 17% ในขณะที่ ช่องทางขายตรง 715 ล้านบาท เติบโตไม่เปลี่ยนแปลง
จากตัวเลขการเติบโตที่แข็งแกร่งในทุกช่องทาง ไม่เพียงพิสูจน์ความสำเร็จของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ แต่ยังสะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพของทีมงานที่ร่วมกันขับเคลื่อนธุรกิจ สำหรับในครึ่งปีหลังที่เหลือนี้ เรามั่นใจว่าจะสามารถผลักดันให้ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต สามารถเติบโตธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง พิชิตยอดเบี้ยประกันรับรวม 3.77 หมื่นล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับปีแรก 7.7 พันล้านบาท ก้าวสู่การเป็นผู้นำบริษัทประกันชีวิตของไทยได้อย่างมั่นคง” มร.โทมัส กล่าวเพิ่ม
ขณะเดียวกัน กลุ่มอลิอันซ์ ผู้ถือหุ้นหลักของ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 5.9 % เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เป็น 3.96 หมื่นล้านยูโร (หรือประมาณ 1.54 ล้านล้านบาท) โดยได้รับแรงหนุนจากกลุ่มธุรกิจประกันวินาศภัย ซึ่งได้รับผลบวกจากราคาและยอดขายที่สูงขึ้น ในขณะที่การเติบโตของกลุ่มธุรกิจประกันชีวิต/สุขภาพ ได้รับผลบวกจากปริมาณเบี้ยประกันภัยแบบชำระครั้งเดียวที่แข็งแกร่งในสหรัฐอเมริกา ในขณะที่กำไรจากการดำเนินการเพิ่มขึ้น 7.1% อยู่ที่ 3.8 พันล้านยูโร (หรือประมาณ 1.48 แสนล้านบาท) โดยมีผลประกอบการที่เข้มแข็งโดยเฉพาะในกลุ่มประกันชีวิต/สุขภาพ และประกันวินาศภัย
อัตราส่วนเงินกองทุนเพื่อความมั่นคง (Solvency II Capitalization) อยู่ที่ 208% ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 เทียบกับ 206% ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปีของ 2566 เมื่อนำมาตรการเปลี่ยนผ่านสำหรับข้อกำหนดทางเทคนิคมาพิจารณาร่วมด้วย อัตราส่วนเงินกองทุนเพื่อความมั่นคง (Solvency II Capitalization) จะอยู่ที่ 235% ณ สิ้นไตรมาสสองของปี 2566 เทียบกับ 232% ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2566
"ผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมของอลิอันซ์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 สะท้อนถึงพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งและความสามารถในการใช้ประโยชน์จากขนาดของธุรกิจเพื่อประโยชน์ของลูกค้าได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น ยังพิสูจน์ได้ถึงความไว้วางใจของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ของเราที่จะสามารถช่วยให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากจากทั้งภาวะเงินเฟ้อและความขัดแย้งระหว่างขั้วอำนาจในโลก ซึ่งไม่เพียงมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก แต่ยังส่งกระทบต่อการเงินส่วนบุคคลด้วย ทั้งนี้ ด้วยผลประกอบการและสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง อลิอันซ์จะเป็นบริษัทที่สามารถมอบสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้อย่างแท้จริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนเช่นนี้” มร. โอลิเวอร์ เบเทอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มอลิอันซ์ กล่าวปิดท้าย
อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 : 1 ยูโร = 39 บาท