WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันศุกร์ ที่ 22 พฤศจิกายน 2567 ติดต่อเรา
จับตา AI กับบทบาทในการลงทุน

22 สิงหาคม 2566 : ข้อมูลจาก สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) ในปัจจุบัน ระบุว่า มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของอุตสาหกรรมกองทุนรวมไทยในปี 2565 เติบโตอยู่ที่ระดับ 4.87 ล้านล้านบาท ลดลง 9.14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ซึ่งอยู่สูงถึงระดับ 5.36 ล้านล้านบาท ขณะที่ ช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของอุตสาหกรรมกองทุนรวมไทยขยับตัวเพิ่มขึ่น มาอยู่ที่นะดับ 4.96 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 1.84% จากสิ้นปี 2565

การปรับตัวเพิ่มขึ้นในครั้งนี้ เป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์ในการบริหารเงินลงทุนของผู้จัดการกองทุน ที่พยายามทำให้สอดคล้องกับภาวะตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศ ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และภาวะตลาดหุ้นและตราสารหนี้ที่มีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง ถือว่าได้ผลทีเดียว

หากมองลึกลงมา จะเห็นว่า การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และวิธีการบริหารจัดการที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม ทำให้ความน่าสนใจในการลงทุนของกองทุนก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกเหนือปัจจัยบวกที่เข้ามาหนุน แต่ถ้าอุตสาหกรรมกองทุนรวมยังคงใช้กลยุทธ์ลงทุนแบบเดิมๆ โอกาสที่นักลงทุนจะหวนกลับมาลงทุนผ่านกองทุนรวมน้อยลง และจะกระทบถึงตัวธุรกิจกองทุนด้วย

จากรายงานผลสำรวจ Global Asset and Wealth Management Survey ประจำปี 2566 ของ PwC ผู้นำให้บริการที่ปรึกษาธุรกิจในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งอ้างอิงข้อมูลจากการคาดการณ์ของอุตสาหกรรม และการสำรวจความคิดเห็นของผู้จัดการสินทรัพย์จำนวน 250 ราย และนักลงทุนสถาบันจำนวน 250 ราย แสดงให้เห็นถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมจัดการสินทรัพย์และความมั่งคั่งที่กำลังเผชิญกับความท้าทายต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ความคาดหวังของนักลงทุนที่เปลี่ยนไป การควบรวมกิจการ และการซื้อขายสินทรัพย์นอกตลาดโดยนักลงทุนรายย่อย

ด้วยเหตุนี้ 73% ของผู้จัดการสินทรัพย์ ทำให้เชื่อว่า ผู้จัดการสินทรัพย์กำลังมีการพิจารณาการควบรวมเชิงกลยุทธ์กับผู้จัดการสินทรัพย์รายอื่นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ สร้างส่วนแบ่งการตลาด และลดความเสี่ยง นอกจากนี้ บริษัทในกลุ่มธุรกิจจัดการสินทรัพย์และความมั่งคั่ง ก็มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อเปลี่ยนแปลงองค์กร โดยมากกว่า 90% ของผู้จัดการสินทรัพย์ได้ใช้เทคโนโลยี อย่าง บิ๊กดาต้า เอไอ และบล็อกเชน เพื่อเสริมประสิทธิภาพการลงทุน

ผลลัพธ์โดยตรงของแรงกดดันเหล่านี้ และแรงผลักดันที่จะส่งมอบในระดับที่เพียงพอท่ามกลางแรงกดดันด้านต้นทุนและการแข่งขัน ทำให้ PwC คาดการณ์ว่า 10 อันดับผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดจะควบคุมสินทรัพย์กองทุนรวมประมาณครึ่งหนึ่งของโลกภายในปี 2570 โดยเพิ่มขึ้นจาก 42.5% ในปี 2563

ทั้งนี้ ผู้จัดการสินทรัพย์ได้เผชิญกับความยากลำบากในปี 2565 โดยมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการทั่วโลก ลดลงเหลือ 115.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4 พันล้านล้านบาท) ซึ่งต่ำกว่าระดับสูงสุดในปี 2564 (127.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4.5 พันล้านล้านบาท) เกือบ 10% และเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบทศวรรษ นอกจากนี้ การสำรวจยังพบว่า เงินเฟ้อ ความผันผวนของตลาด และการเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ย ถือเป็นความกังวลที่ใหญ่ที่สุดสำหรับทั้งนักลงทุนและผู้จัดการสินทรัพย์ในช่วง 12 ถึง 24 เดือนข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม PwC คาดการณ์ว่า มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการจะฟื้นตัวได้ภายในปี 2570 โดยแตะที่ 147.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.1 พันล้านล้านบาท) หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 5%

PwC ยังมองอีกว่า สินทรัพย์ที่จัดการโดยหุ่นยนต์ที่ปรึกษาจะมีมูลค่าถึง 5.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 206.1 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2570 ซึ่งมากกว่าสองเท่าของตัวเลขในปี 2565 ที่ 2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 87.3 ล้านล้านบาท) นอกจากนี้ การจัดทำดัชนีเฉพาะบุคคล ยังได้รับความนิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกลุ่มนักลงทุนที่แสวงหาสิทธิประโยชน์ด้านภาษี รวมถึงผู้ที่สนใจประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) การลงทุนด้วยการใช้ข้อมูลสร้างกติกาในการลงทุน และการสร้างพอร์ตการลงทุนด้วยอัลกอริทึม

ทั้งนี้ เกือบ 40% ของนักลงทุนสถาบัน กำลังวางแผนที่จะลงทุนในผลิตภัณฑ์การจัดทำดัชนีแบบกำหนดเองในอีก 12 ถึง 24 เดือนข้างหน้า ขณะที่เกือบครึ่งหนึ่งของผู้จัดการสินทรัพย์คาดว่า จะเพิ่มโซลูชันการจัดทำดัชนีเฉพาะบุคคลในข้อเสนอของตน PwC คาดว่า ในปี 2570 มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการของดัชนีที่กำหนดเองโดยตรง จะมีมูลค่ามากกว่าสามเท่าเป็น 1.47 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 51.3 ล้านล้านบาท) หรือประมาณ 1% ของสินทรัพย์ภายใต้การจัดการทั้งหมด

ขณะที่คาดว่า มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการของกองทุนรวมดัชนีที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (ETF) ที่ใช้งานอยู่จะเพิ่มขึ้นจาก 4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 160.7 พันล้านบาท) เป็น 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 38.4 ล้านล้านบาท) หรือคิดเป็น 7.5% ของตลาด ETF ทั่วโลกในปี 2570

ขณะที่ นางสาววิไลพร ทวีลาภพันทอง หัวหน้าสายงานธุรกิจที่ปรึกษา PwC ประเทศไทย และหัวหน้ากลุ่มลูกค้าธุรกิจบริการทางการเงินเชิงกลยุทธ์และการดำเนินงาน PwC South East Asia Consulting กล่าวว่า อุตสาหกรรมกองทุนรวมของไทยในปีที่ผ่านมา ต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ เช่นเดียวกับทั่วโลก แต่เอไอจะยิ่งเข้ามามีบทบาทสำคัญในการบริหารกองทุนรวมและพอร์ตการลงทุนส่วนตัวมากขึ้นในอีกสองถึงสามปีข้างหน้า

ขณะนี้เราเห็นการนำ ผู้ช่วยวางแผนการลงทุนอัฉริยะ (Robo-Advisor) เข้ามาช่วยในการบริหารการลงทุนเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนเพื่อการเกษียณ การลงทุนเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ หรือการออมสำหรับลูกหลาน และอื่นๆ คาดว่า ในระยะข้างหน้า เอไอจะยิ่งถูกนำมาใช้เพื่อพัฒนาสินค้าและโซลูชันการลงทุนใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและนักลงทุนให้ดีกว่าที่เคย นอกเหนือไปจากการนำเอไอมาช่วยวิเคราะห์ภาวะตลาด คาดการณ์ผลประกอบการ และให้คำแนะนำสำหรับการลงทุน 

การเงิน ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP