10 สิงหาคม 2556 : นายชนะพล มหาวงษ์ ผู้จัดการกองทุนประกันวินาศภัย เปิดเผยว่า ปัจจุบันกองทุนประกันวินาศภัยดำเนินการชำระบัญชีและพิจารณาคำทวงหนี้ จากเจ้าหนี้ที่เกิดจากบริษัทประกันภัยที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต 4 บริษัทสืบเนื่องจากสถานการณ์โควิด ได้แก่ บริษัท บมจ.เดอะวัน ประกันภัย, บมจ.อาคเนย์ประกันภัย, บมจ.เอเชียประกันภัย และบมจ.ไทยประกันภัย ประมาณ 700,000 ราย มูลค่ากว่า 54,000 ล้านบาท ขณะนี้ทางกองทุนฯ ทยอยจ่ายชำระหนี้ออกไปประมาณ 6,000 ราย/เดือน หรือคิดเป็น 300-400 ล้านบาท
หากแยกรายละเอียดเป็นรายบริษัทฯ ที่มีใบคำขอรับเงิน แบ่งเป็น บมจ.เอเชียประกันภัย เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2564 มีประมาณ 16,000 เรื่อง บมจ.เดอะวันฯ ประมาณ 15,000 เรื่อง , บมจ.อาคเนย์ประกันภัย เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 โดยมีผู้มายื่นใบคำขอแล้ว 18,000- 20,000 เรื่อง และบมจ.ไทยประกันภัย ประมาณ 12,000 เรื่อง
นายชนะพล กล่าวต่อไปว่า กองทุนประกันวินาศภัย วางแผนกลยุทธ์ภายใน 3 ปี 2567-2569 โดยพิจารณาเงินกองทุนปัจจุบันมี 1,300 ล้านบาท หากนำไปชำระหนี้จะเพียงพอแค่ 2-3 เดือนเท่านั้น ดังนั้น คาดว่าจะนำทุนที่มีไปขอกู้เงินประมาณ 10,000 ล้านบาท เพื่อมาชำระให้กับเจ้าหนี้ และลำดับถัดมาจะขอเงินสนับสนุนจากภาครัฐ รวมไปถึงแนวคิดการออกตราสารทางการเงิน หรือพันธบัตร 2-30,000 ล้านบาท แต่จะต้องมีการปรับแก้ไขกฎระเบียบให้เอื้อต่อบริษัทประกันภัยหรือบริษัทที่จะเข้ามาซื้อ และอีกช่องทางหนึ่งคือการขอลดหนี้จากประชาชน ยกตัวอย่าง จากมูลหนี้ 100,000 บาทเหลือ 50,000 บาท เป็นต้น
“ทางกองทุนประกันวินาศภัย ได้ขอเพิ่มเงินสมทบจากบริษัทประกันภัยทั้งระบบจากเดิม 0.25% หรือ 600 ล้านบาท เป็น 0.5% หรือเงินกองทุน 1,300 ล้านบาทแล้ว แต่มูลค่าดังกล่าวก็ยังไม่เพียงพอต่อภาระหนี้ที่มีกว่า 54,000 ล้านบาท ดังนั้น จึงเกิดแนวคิดว่าถ้าหากจะขอปรับเพิ่มเงินสมทบเป็น 2% หรือประมาณ 5,000 ล้านบาท/ปี [แบบเฉพาะกาลเมื่อสถานการณ์กลับสู่ปกติก็จะปรับลดลงมาเหลือ 0.5% เท่าเดิม] จำนวนเงินก้อนนี้ก็ยังมีน้ำหนักพอที่จะไปค้ำประกันเงินกู้จากสถาบันการเงินเพื่อนำมาชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ได้ 50,000 ล้านบาท มูลค่าดังกล่าวก็จะเพียงพอต่อการนำมาชำระหนี้” นายชนะพลกล่าว
ในปัจจุบันกองทุนประกันวินาศภัยได้ดำเนินการชำระบัญชีและพิจารณาคำทวงหนี้ พร้อมทั้งดำเนินการจ่ายเงิน ให้แก่เจ้าหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัยของบริษัทที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย จํานวน 8 บริษัทด้วยกัน ได้แก่ ได้แก่ บจ.สัมพันธ์ประกันภัย, บจ.เอ.พี.เอฟ. อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวร์รันส์, บมจ. สัจจะ ประกันภัย, บมจ.เจ้าพระยาประกันภัย, บมจ.เอเชียประกันภัย 1950, บมจ.เดอะ วัน ประกันภัย, บมจ.อาคเนย์ ประกันภัย และ บมจ.ไทยประกัน
สำหรับ 4 บริษัท ที่ปิดกิจการในตอนแรก คือ บจ.สัมพันธ์ประกันภัย, บจ.เอ.พี.เอฟ. อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวร์รันส์, บมจ. สัจจะ ประกันภัย, บมจ.เจ้าพระยาประกันภัย มียอดหนี้คงค้างประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท และปีนี้ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 จะดำเนินการให้บมจ.สัจจะประกันภัย เป็นบริษัท “ล้มละลาย” ขณะนี้อยู่ระหว่างชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ 200-300 ราย และทางกองทุนประกันวินาศภัยก็จะรับช่วงสิทธิ์ของเจ้าหนี้ที่จ่ายไปของบริษัทนี้เพื่อขอเฉลี่ยทรัพย์ และถึงเวลาเจ้าหนี้ทั่วไปที่เขาไม่สามารถยื่นขอรับชำระหนี้ได้
ส่วนบจ.สัมพันธ์ประกันภัยก็จะถูกสั่งให้ล้มละลายในปี 2568 เป็นลำดับถัดไป สาเหตุที่ล่าช้าเกิดจากระยะเวลายาวนานกว่า 15 ปี บริษัทฯ ตามหาเจ้าหนี้ไม่เจอ เจ้าหนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงที่อยู่ หรืออาจจะลืมไปแล้วว่ามีมูลหนี้เท่าไหร่ เป็นต้น แต่ขณะนี้ของกรณี บมจ.สัมพันธ์ประกันภัย ทางกองทุนฯก็ยังทำจ่ายอยู่ต่อเนื่องแต่มีจำนวนรายและจำนวนเงินน้อยมาก แต่ทางกองทุนฯ ก็จะพยายามเร่งปิดจบ 4 บริษัทเดิมให้เสร็จสิ้นในเร็ววัน
“หากเปรียบเทียบปิดกิจการ 4 บริษัทแรก จำนวนเจ้าหนี้ที่มายื่นคำขอประมาณหลัก 10,000 ราย มูลหนี้สูงสุดเพียงแค่ 300-1,500 ล้านบาท แต่ภายหลังจาก 4 บริษัทที่ถูกปิดจากโควิดเข้ามา มูลหนี้ช่วงแรกประมาณ 3,000 ล้านบาท จำนวนใบคำขอเพิ่มเป็น 160,000 ราย ทยอยเพิ่มมากขึ้นจนกระทั่งปัจจุบันเพิ่มเป็น 700,000 ราย มูลหนี้ 54,000 ล้านบาท ทางกองทุนฯ มีเจ้าหน้าที่เพียง 30 คน จึงมีความจำเป็นต้องว่าจ้างบุคลากรเข้ามาช่วยดำเนินการด้านตรวจสอบเอกสารให้ถูกต้องก่อนที่จะดำเนินการชำระเงิน” นายชนะพล กล่าว
แต่อย่างไรก็ดี ภายหลังจากทางกองทุนฯ ประกาศให้มารับเงินแล้ว แต่ก็ยังมีประชาชนบางส่วนไม่ทราบเรื่อง ยังไม่มารับเงิน จนทำให้ มีเงินค้างท่ออยู่ที่กองทุนฯ กว่า 1,000 ล้านบาท จึงเป็นที่มาหนึ่งในการ เปิดตัว LINE Official Account “@GIFSMART” เพื่อเพิ่มช่องทางการติดต่อและสามารถ ยืนยันสิทธิ์รับเงินเพื่อให้เจ้าหนี้ที่ได้ยื่นขอรับชำระหนี้ในกรณีที่บริษัทประกันวินาศภัยถูกเพิกถอนใบอนุญาต รวมถึงประชาชนผู้มีสิทธิยื่นคำทวงหนี้ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และง่ายต่อการติดต่อสอบถามอัตโนมัติ (Chatbot) เพื่อเป็นการลดภาระในการตอบคำถามทาง โทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่และให้เจ้าหน้าที่สามารถพิจารณาคำทวงหนี้ได้อย่างเต็มที่
LINE Official Account “@GIFSMART” ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้บริการแก่ประชาชนได้รับทราบข้อมูลและ สามารถติดตามสถานะการยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ สามารถยืนยันตัวตนตรวจสอบความถูกต้องกับข้อมูลทะเบียนราษฎร์ มีการแจ้งเตือนสถานะของคำทวงหนี้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสถานะคำขอ และเจ้าหนี้สามารถยืนยันสิทธิรับเงินผ่าน LINE Official Account “GIFSMART” ได้โดยไม่ต้องเดินทางมายืนเอกสารด้วยตนเอง
โดยเมื่อทำการเพิ่มเพื่อนเข้ามาใน LINE Official Account "@GIFSMART” แล้วจะเป็นการเริ่มทำการลงทะเบียน ระบบจะขอให้ถ่ายรูปหน้า - หลังบัตร ประชาชน และถ่ายรูปคู่กับบัตรประชาชนเพื่อนำส่งข้อมูลไปตรวจสอบความถูกต้องกับกรมการปกครองต่อไป และมีข้อมูลถูกพิสูจน์แล้วว่าผู้ลงทะเบียนเป็นเจ้าของบัตรประชาชนจริง จึงจะอนุญาตให้สามารถเข้าถึงข้อมูล เพื่อยืนยันสิทธิรับเงินได้ ในกรณีที่คำขอของบุคคลนั้นได้รับการอนุมัติจ่ายเงินแล้ว
ทั้งนี้ หากเทียบกับการดำเนินการตามช่องทางเดิม 3 ช่องทาง 1.เดินทางมาทำเรื่องที่กองทุนประกันวินาศภัยด้วยตนเอง 2.ส่งเอกสารมาทางไปรษณีย์ 3.ยืนเรื่องผ่านสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ซึ่งทั้ง 3 ช่องทางข้างตนล้วนเกิดค่าใช้จ่ายในการเดินทางหรือดำเนินการ และระยะเวลาเสียไป แต่ถ้าหากมีการยืนยันสิทธิ์ผ่านช่องทางไลน์ เพียงแค่กดยืนยันสิทธิ์ และเลือกการโอนเงินผ่านพร้อมเพย์ หรือโอนเข้าบัญชีธนาคาร ที่ทำตามขั้นตอนที่กำหนดยืนยันสิทธิ์ ถึงอย่างไรก็รวดเร็วกว่าที่จะเดินทางมายังกองทุนประกันวินาศภัย กรณีกดยืนยันสิทธิ์แล้วสามารถได้รับเงินภายใน 60 วันทำการ ทางกองทุนประกันวินาศภัยจะโอนเงินเข้าบัญชีให้