7 สิงหาคม 2566 : กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาท ในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.30-35.00 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 34.74 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 34.18-34.79 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ทางด้านคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 25bp เป็น 2.25% ตามคาด เงินดอลลาร์แข็งค่าเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯที่สดใสเกินคาด
ขณะที่แบบจำลอง GDPNow ของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)สาขาแอตแลนตาประเมินว่าจีดีพีสหรัฐฯอาจขยายตัว 3.9% ในไตรมาสนี้แม้เฟดขึ้นดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 65 นอกจากนี้ ข่าวที่ว่าฟิทช์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯจาก AAA สู่ AA+ กดดันสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกและหนุนดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวทั่วโลกกระชากขึ้นหลังธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)ปรับมาตรการควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนให้ยืดหยุ่นมากขึ้นในสัปดาห์ก่อนหน้ารวมถึงแผนกู้เงินที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลสหรัฐฯ
ทางด้านธนาคารกลางอังกฤษ(บีโออี)ขึ้นดอกเบี้ย 25bp สู่จุดสูงสุดรอบ 15 ปีที่ 5.25% พร้อมเตือนว่าดอกเบี้ยอาจจะอยู่ที่ระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่งท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อสูง ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 7,790 ล้านบาท และ 23,775 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี ระบุว่า ตลาดจะให้ความสนใจกับข้อมูลเงินเฟ้อเดือนก.ค.ของสหรัฐฯเพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยเฟดต่อไปหลังตำแหน่งการจ้างงานนอกภาคเกษตรต่ำกว่าคาดแต่อัตราการเติบโตของค่าจ้างยังแข็งแกร่ง ทั้งนี้ กรุงศรีมองว่าความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มสูงขึ้นจากภาวะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงอาจจำกัดแรงขายดอลลาร์ในระยะนี้ แม้เรายืนยันมุมมองที่ว่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลงในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้าบนสมมติฐานดอกเบี้ยเฟดสิ้นสุดทางขึ้นและเศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ soft landing
สำหรับปัจจัยในประเทศ คาดว่า กนง.ขึ้นดอกเบี้ยด้วยมติเอกฉันท์ โดยเห็นว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวสู่ศักยภาพและกนง.ต้องการรักษา policy space สำหรับอนาคต แต่การประเมินว่าความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมีมากขึ้นและดอกเบี้ยนโยบายเข้าใกล้ระดับเป็นกลางมากขึ้น สนับสนุนมุมมองของเราที่ว่าความจำเป็นในการขึ้นดอกเบี้ยอีกมีน้อยลง นอกจากนี้ กรุงศรีมองว่าภาพทางการเมืองที่ขาดความชัดเจนอาจฉุดรั้งความต้องการถือครองสินทรัพย์สกุลเงินบาทในช่วงนี้