17 กรกฎาคม 2566 : ประโยคที่ว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง” ก็ยังคงใช้ได้อยู่ในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ “การไม่ลงทุนอะไรเลย” จะมีความเสี่ยงกว่า ประโยคดังกล่าวก็สำคัญกับสถานการณ์ปัจจุบันเช่นกัน และ “การกระจายความเสี่ยง” ยังเป็นไม้เอกในการปกป้องพอร์ตลงทุนของเราให้บอบช้ำจากสถานการณ์เปลี่ยนได้ดีที่สุดเช่นกัน
อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า การลงทุนในตราสารหนี้ค่อนข้างปลอดภัยสุด แต่ผลตอบแทนที่ได้รับก็จะสอดคล้องกับความเสี่ยงต่ำเช่นกัน ขณะที่การลงทุนในตราสารทุน(หุ้น)ให้ผลตอบแทนดีหลายสิบเท่า หากเลือกตัวที่ใช่ ดังนั้น การกระจายความเสี่ยง เป็นสายกลางของนักลงทุนที่ควรยึดไว้ให้ขึ้นใจ พร้อมกับมีสติในการลงทุนทุกครั้ง โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นมักมีภาพลวงตาเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รูเท่าทัน การกระจายความเสี่ยงด้านการลงทุนจะไม่ให้เราติดกักดักพอร์ตจมได้ ขณะเดียวกัน ในโลกของการลงทุนมีสินทรัพย์ลงทุนที่หลากหลายให้เลือกลงทุน
ยกตัวอย่างการลงทุนในกลุ่ม Semiconductor ถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนอีกกลุ่มหนึ่ง รับเทรนด์นวัตกรรมขับเคลื่อนโลก ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนของ บริษัท หลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด (บลน.ฟินโนมีนา) ให้ความเห็นเกี่ยวกับการลงทุนในกลุ่ม Semiconductor ได้อย่างน่าสนใจว่า
โลกในอนาคตที่คาดว่าจะเต็มไปด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยที่เข้ามาปฏิวัติการใช้ชีวิตของมวลมนุษยชาติ จากในอดีตที่ผ่านมาเทคโนโลยีเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด และในปี 2023 นี้ การมาของ Generative AI ก็ทำให้รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย เพราะ AI สามารถเรียนรู้และสร้างสรรค์ผลงานได้มีประสิทธิภาพทัดเทียมพอๆ กับที่มนุษย์ทำอยู่ ซึ่งนวัตกรรมที่ล้ำยุคต่างๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีฟันเฟือนสำคัญอย่าง ‘ไมโครชิป’ ที่ฝังอยู่ภายใน Microchip, Semiconductor หรือ Integrated Circuit หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า ‘ชิป’
"ชิป" อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แทบทุกชนิดที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ล้วนมีชิปเป็นส่วนประกอบด้วยกันทั้งสิ้น นอกจากด้านการใช้งานในอุปกรณ์ส่วนบุคคล ตัวชิปเองก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการแสดงถึงแสนยานุภาพด้านทางการทหาร เพราะชิปเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตอาวุธที่ล้ำสมัย เช่น เครื่องบินรบ, เรือดำน้ำ และขีปนาวุธ ที่ควบคุมได้จากระยะไกล หากจะบอกว่าผู้ที่ครอบครองชิป ก็จะสามารถผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ล้ำสมัยก็คงไม่เกินจริงไปนัก อาจพูดได้ว่านี่คือสาเหตุของความขัดแย้งของประเทศมหาอำนาจอย่างจีน, สหรัฐฯ และไต้หวัน ในปัจจุบัน
สำหรับ Semiconductor คือ สารกึ่งตัวนำที่มีคุณสมบัติในการนำไฟฟ้าอยู่ระหว่างตัวนำไฟฟ้าและฉนวน ยกตัวอย่างจากการเปิด-ปิดไฟ "ชิป" จึงอยู่ในกลุ่มนี้ตัวอย่างหุ้น Semiconductor ระดับโลก ได้แก่
1. TSMC (Taiwan Semiconductor) บริษัทสัญชาติไต้หวันยักษ์ใหญ่ที่เน้นในเรื่องของการรับผลิตชิปเพียงอย่างเดียว ด้วยความชำนาญในการผลิต มีโรงงานที่สร้างเป็นของตัวเอง รวมไปถึงเครื่องมือที่ทันสมัย จึงทำให้บริษัทที่ต้องการสร้างนวัตกรรมล้ำสมัยอย่าง Apple ก็มาจ้าง TSMC ผลิตชิปด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น iPhone iPad หรือ Macbook
2. ASML บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการสร้างและพัฒนาเครื่องผลิตชิป หรือที่เรียกว่าเครื่อง EUV (Extreme Ultraviolet) ซึ่งใช้เวลาในการพัฒนากว่า 20 ปี ด้วยนวัตกรรนนี้จึงทำให้สามารถผลิตชิปที่ลดขนาด Transistor ได้เล็กลงกว่าเดิมและประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วย ในปัจจุบันนี้ยังไม่มีบริษัทใดที่สามารถสร้างเครื่องผลิตชิปที่มีนวัตกรรมล้ำหน้าได้ทัดเทียมกับ ASML จึงเป็นเพียงบริษัทเดียวที่ครอง Market Share กว่า 90% เลยที่เดียว
3. Apple Buffett เคยกล่าวว่า “ถ้าให้เลือกว่าจะให้ยึดรถหรือยึด iPhone ส่วนมากยอมให้รถไปดีกว่า” แสดงให้เห็นว่า Smartphone นั้นเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำของมนุษย์เราแบบที่ขาดไม่ได้
4. Nvidia บริษัทที่เป็นกระแสพูดถึงมากในช่วงนี้ เพราะได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญไปเป็นที่เรียบร้อย ตั้งแต่เริ่มปี 2023 NVIDIA เป็นบริษัทที่ Outperform มากที่สุดในบรรดาบริษัทใน S&P500 ธุรกิจของ NVIDIAรู้จักกันดีในสาย Gamer ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ยอดฮิตอย่างการ์ดจอ GPU NVIDIA Geforce ที่ติดตลาด Gaming มาอย่างยาวนาน รายได้จากธุรกิจ Gaming คิดเป็น 32% ของรายได้ทั้งหมด แต่อีกหนึ่งธุรกิจที่มาแรงแซงหน้า Gaming ก็คือธุรกิจ Data Center คิดเป็น 60% ของรายได้
สำหรับกองทุนไทยที่ลงทุนในกลุ่ม Semiconductor ที่น่าสนใจ ได้แก่ 1.กอองทุน SCBSEMI ของบลจ. ไทยพาณิชย์ 2. กองทุน LHSEMICON ของบลจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 3.กองทุนKKP SEMICON ของบลจ. เกียรตินาคินภัทร 4.กองทุนDAOL-EVOSEMI ของบลจ. ดาโอ