13 ธันวาคม 2559 : นางสาว แพรวพิไล ชินศักด์ชัย Chief of Marketing Officer(CMO) บริษัท ไอท้อปสปาร์ก จำกัด กล่าวว่า “Call Tracking System” เป็นระบบเครื่องมือที่ถูกพัฒนามาจากระบบ In-house โดยเป็นระบบที่ใช้ในการเก็บข้อมูล ทางโทรศัพท์ เมื่อลูกค้าติดต่อเข้ามาทางเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้โฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ ระบบจะทำการบันทึกข้อมูล โดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถรู้ได้ว่าลูกค้าที่โทรเข้ามา มาจากโฆษณาชิ้นไหน หรือมาจากช่องทางไหน จึงสามารถวัดผลได้ว่าโฆษณาชิ้นไหน หรือช่องทางไหน ทำให้เกิดการขายมากที่สุด
โดยปัจจุบัน การเก็บข้อมูลของลูกค้าบนโลกออนไลน์ หรือ LeadGeneration คือกิจกรรมทางการตลาด ที่ธุรกิจจะต้องดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งรายชื่อของผู้ติดต่อทางธุรกิจที่จะนำไปสู่กระบวนการของการขาย (Sales Process) โดยปกติแล้ว รายชื่อของลูกค้าจะได้มาจากการโฆษณาผ่านทางออนไลน์และ ลิงค์ไปยังหน้ากรอกแบบฟอร์ม (Landing Page) ข้อมูลที่ลูกค้ากรอกจะถูกบันทึกลงในฐานข้อมูล (Database)เมื่อได้ข้อมูลมาแล้วจะเป็นหน้าที่ของพนักงานขาย ที่ต้องติดต่อกลับ เพื่อปิดการขาย โดย Call Tracking System นี้จะสามารถบอกสถานะการทำงานได้ด้วยว่า มีการติดต่อกลับแล้วหรือไม่
นางสาวแพรวพิไล กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันยังมีอีกหลายธุรกิจที่มีการปิดยอดขายเกิดขึ้นผ่านช่องทางโทรศัพท์ ลูกค้าเลือกที่จะโทรหาผู้ประกอบการ แทนการกรอกข้อมูลผ่านเว็บไซต์ เพราะต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม แต่วันนี้ยอดการโทรที่เข้ามาเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการไม่สามารถบอกได้ว่ามาจากช่องทางไหนของการทำโฆษณาออนไลน์ จึงทำให้ไม่สามารถวัดผลของการทำโฆษณาได้ ระบบเครื่องมือ Call Tracking System จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญ ที่จะช่วยตอบโจทย์การทำธุรกิจในยุคที่ดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อทุกภาคธุรกิจ
“ไอท้อปสปาร์กได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและโอาสของการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล จึงได้เปิดให้บริการระบบ Call Tracking System เพื่อเสริมประสิทธิภาพของการทำโฆษณาออนไลน์ และถือเป็นความมุ่งมั่นของไอท้อปสปาร์กในการศึกษาให้เข้าใจ ถึงรายละเอียดการทำธุรกิจของลูกค้า แล้วนำมาออกแบบและพัฒนาเป็นระบบเครื่องมือที่ตอบโจทย์การทำโฆษณาและการขายให้กับผู้ประกอบการในยุคปัจจุบัน” นางสาวแพรวพิไล กล่าวสรุป