17 มิถุนายน 2566 : ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮล ดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH ในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงเป้าหมายการขยายตลาดสู่อาเซียน ประเทศลาว และกัมพูชา ว่าขณะนี้บริษัทฯ ได้ทำการศึกษาในวงกว้างแล้วพบว่า กัมพูชานั้นชอบสินค้าและบริการของคนไทยเพราะเชื่อว่าสินค้าและบริการของประเทศไทยนั้นมีมาตรฐานสากล จึงถือเป็นโอกาสที่ดีของเรา โดยการจะเข้าไปขยายตลาดยังประเทศกัมพูชาเป็นประเทศแรก โดยจะต้องร่วมทุนกับบริษัทประกันภัยท้องถิ่นเพื่อยื่นขอรับใบอนุญาตใหม่ทั้งประกันชีวิตและประกันวินาศภัย
ล่าสุดผ่านพ้นขั้นตอนการสรรหาบริษัทร่วมทุนแล้ว จากนี้ไปก็อยู่ระหว่างการเจรจารายละเอียดในการร่วมลงทุน โดยในส่วนของการถือครองหุ้นนั้น อาจจะให้ทางกัมพูชาถือหุ้นมากกว่าเล็กน้อย ขณะที่ทางบมจ.ทิพยโฮลดิ้งได้สิทธิ์ในการบริหารงานและมีคณะกรรมการจำนวนมากกว่า ซึ่งทางกัมพูชาก็เห็นด้วยเนื่องจากทิพยฯมีความเชี่ยวชาญมากกว่า
"โดยครั้งนี้เราได้เข้าไปร่วมทุนกับบริษัทท้องถิ่นเพื่อที่จะไปขอไลน์เส้น (License) ใหม่ โดยคณะผู้บริหารระดับสูงที่จะนำไปจากประเทศไทยได้แก่ ตำแหน่ง “ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร” CEO หรือ “Chief Executive Officer” รวมถึง CFO : Chief Financial Officer ซึ่งจะเป็นตำแหน่งที่ดูแลและตัดสินใจทุกอย่างที่เกี่ยวกับด้านการเงินและการบัญชี อีกทั้ง ผู้บริหารระดับสูงด้านการพิจารณารับประกันภัย (underwriter) ส่วนผู้บริหารระดับกลางและพนักงานก็จะเป็นคนท้องถิ่น เป็นต้น" ดร.สมพร กล่าวเสริม
ทั้งนี้ การขอรับใบอนญาต (License) ประกอบธุรกิจประกันภัยนั้นบริษัทฯจะดำเนินการขอพร้อมกัน 2 ใบ ทั้งประกันวินาศภัย และประกันชีวิต ซึ่งค่าใช้จ่ายไลน์เส้นละ 7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือโดยรวมแล้วประมาณ 240 ล้านบาท รวมแล้วประมาณ 480 ล้านบาท
"อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาตลาดประกันภัยประเทศกัมพูชา เนื่องจากเป็นประเทศที่ขยายตัวรวดเร็วมาก และมีจำนวนประชากรประมาณ 16.5 ล้านคน ขณะเดียวกันเศรษฐกิจของประเทศแล้วก็มีขนาดใหญ่พอสมควร ซึ่งถ้าเทียบกับประเทศลาวมีประชากร 6 ล้านคน แต่ขณะที่กัมพูชามีมากกว่าถึง 2 เท่า โดยทางประเทศลาว มีเบี้ยประกันวินาศภัยรับรวมทั้งอุตสาหกรรมอยู่ที่ 60-70 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 2,000-2,500 ล้านบาท ส่วนตลาดประกันประเทศกัมพูชา มีเบี้ยประกันภัยรวมทั้งอุตสาหกรรมประมาณ 123 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 4,200 ล้านบาท ดังนั้น คาดว่าหากเข้าไปดำเนินธุรกิจประกันภัยในกัมพูชาปีแรกจะมีเบี้ยประกันภัยรับติด 1 ใน 10 จากท้้งหมด 18-19 บริษัทอย่างแน่นอน" ดร.สมพร กล่าวสรุป