กรุงเทพฯ 16 มิถุนายน 2566 : นายวันชัยระบิน จิตวัฒนาธรรม ผู้บริหารสายงานธุรกิจระดับภูมิภาค ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ประเทศเวียดนาม มีโครงสร้างประชากรสูงถึงเกือบ 100 ล้านคน บวกกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามที่สูงถึง 8% ในปีที่ผ่านมา จึงทำให้เป็นจุดหมายที่น่าสนใจ และดึงดูดนักลงทุนต่างชาติจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ นับเป็นอีกตัวแปรที่ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กรุงศรีประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการ SHB Finance ธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในเวียดนาม ปัจจุบันถือหุ้นในสัดส่วน 50% และจะดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมด 100% ภายในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้เงื่อนไขและตามข้อกำหนดจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง
การที่กรุงศรีเข้าไปซื้อกิจการ SHB Finance ก็เพื่อที่จะต่อยอดความรู้ความเชี่ยวชาญด้านสินเชื่อผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งในเรื่องการตลาด ช่องทางการขาย และการบริหารความเสี่ยง จนสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ตอบโจทย์และช่วยส่งเสริมความสำเร็จของชาวเวียดนามได้
โอกาส และศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม ประกอบไปด้วย
- ประชากรเวียดนามสูงถึง 97.58 ล้านคน นับเป็นลำดับที่ 15 ของโลก และมากเป็นอันดับที่ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยกลุ่มคนชนชั้นกลางมีอัตราการเติบโตเร็วกว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ สัดส่วนของประชากรในวัยทำงานอยู่ในระดับที่สูง (ที่มา: NIA)
- ปี 2022 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจของเวียดนามมีอัตราการเติบโตสูงถึง 8% เนื่องจากปัจจัยความแข็งแกร่งด้านการค้าปลีกภายในประเทศกว่า 19.8% และการส่งออกอีกกว่า 10.6% (ที่มา: World Bank และ BBC News)
- ทำเลที่ตั้งของประเทศเวียดนามเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการค้าซึ่งส่งผลให้ได้ประโยชน์จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน
- นโยบายส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งมีการปรับปรุงกฎหมายด้านการลงทุนซึ่งช่วยอำนวยความสะดวก พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่นและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน ทำให้บริษัทชั้นนำระดับโลกต่างๆ มากมาย หันมาร่วมลงทุนในเวียดนาม อาทิ Boeing, Airbus, Google, Samsung และ Canon เป็นต้น ซึ่งในส่วนของการลงทุนแบบ FDI มีอัตราการเติบโตสูงถึง 13.5% ในปี 2022 ที่ผ่านมา (ที่มา: BBC News)
“นอกจาก SHB Finance จะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขยายฐานลูกค้ารายย่อยในต่างประเทศแล้วนั้น กรุงศรี ซึ่งเป็นสถาบันการเงินในกลุ่ม MUFG ยังมีความได้เปรียบในเรื่องเครือข่ายที่แข็งแกร่ง โดยสามารถใช้ความรู้ ความเชี่ยวชาญระดับโลก และโอกาสจากเครือข่ายธนาคารพันธมิตรอย่าง VietinBank ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำในเวียดนามซึ่ง MUFG เป็นผู้ถือหุ้น ในการผสานความช่วยเหลือและเพิ่มโอกาสให้กับลูกค้าไทยที่ต้องขยายธุรกิจไปในเวียดนาม ซึ่งจากโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการเป็นที่ปรึกษาหรือพันธมิตรในการให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนในด้านต่างๆ
เมื่อเร็วๆ นี้ธนาคารได้ยกระดับบริการที่ปรึกษาทางธุรกิจให้แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ภายใต้ชื่อ Krungsri ASEAN LINK ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการในการทำธุรกิจ ตลอดจนการให้คำแนะนำโซลูชันด้านผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ อย่างครบวงจร ที่พร้อมนำพาโอกาสใหม่ๆ ในการขยายธุรกิจและสร้างการเติบโตให้กับลูกค้าของกรุงศรีในตลาดเวียดนามได้อย่างแน่นอน ตามแนวทาง GO ASEAN with krungsri” นายวันชัยระบิน กล่าวปิดท้าย