12 มิถุนายน 2566 : กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.30-34.90 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 34.60 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 34.55-34.92 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญ ขณะที่ธนาคารกลางออสเตรเลียและธนาคารกลางแคนาดากลับมาขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งและผู้ร่วมตลาดคาดว่าธนาคารกลางทั้งสองแห่งมีแนวโน้มคุมเข้มนโยบายเพิ่มเติมท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อสูงยื้ดเยื้อ
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์เผชิญแรงกดดันหลังสหรัฐฯรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง สะท้อนความอ่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ต่อตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาในระยะนี้ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยสุทธิ 844 ล้านบาท แต่ขายพันธบัตร 2,699 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี ระบุว่า ตลาดจะติดตามดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพฤษภาคมของสหรัฐฯ ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)วันที่ 13-14 มิถุนายน ซึ่งนักลงทุนคาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 5.00-5.25% ขณะที่จุดสนใจจะอยู่ที่ประมาณการดอกเบี้ยโดยเจ้าหน้าที่เฟด(Dot Plot)ซึ่งกรุงศรีคาดว่าค่ากลางการคาดการณ์สำหรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะใกล้เคียงกับที่เฟดเคยให้ไว้เมื่อเดือนมีนาคมที่ 5.1% สำหรับสิ้นปีนี้ และ 4.3% สิ้นปีหน้า
อย่างไรก็ดี เฟดอาจจะเปิดช่องไว้เพื่อปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปบนเงื่อนไขที่ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจยังแข็งแกร่งและอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง ทางด้านธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ย 25bp ในการประชุมวันที่ 15 มิถุนายน ส่วนธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)ซึ่งล่าสุดยังไม่ส่งสัญญาณถึงความจำเป็นในการปรับมาตรการควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน (Yield Curve Control) มีแนวโน้มคงนโยบายในวันที่ 16 มิถุนายน อนึ่ง เราคาดว่าดอลลาร์อาจย่อลงหากเฟดคงดอกเบี้ย แต่แรงขายจะถูกจำกัดกรณีอีซีบีแสดงท่าทีระมัดระวังมากขึ้น
สำหรับปัจจัยในประเทศ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือนพฤษภาคมของไทยเพิ่มขึ้น 0.53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นอัตราต่ำสุดในรอบ 21 เดือน ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานซึ่งไม่รวมหมวดอาหารสดและพลังงาน เพิ่มขึ้น 1.55% ทั้งนี้ ก.พาณิชย์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.จะชะลอต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี เรารู้สึกค่อนข้างประหลาดใจที่ธปท.ระบุว่าต้องการให้การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายกลับสู่ระดับปกติ (Normalization) ยังดำเนินต่อไป โดยผู้ดำเนินนโยบายให้เหตุผลว่าต้องการสร้างสมดุลของ Policy Space ในระยะข้างหน้า