กรุงเทพฯ 8 ธ.ค. 2559 : บมจ. ซิกน่า ประกันภัย เปิดตัว “แผนประกันสุขภาพมิติใหม่…พลัส” ผลิตภัณฑ์ใหม่จากกลุ่ม “แผนประกันสุขภาพมิติใหม่” ที่ให้ความคุ้มครองทั้งโรคร้ายแรง และโรคจากการดำเนินชีวิตประจำวันรวมอยู่ในแผนเดียวกัน อาทิ โรคมะเร็ง กลุ่มโรคออฟฟิศซินโดรม โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง ฉีกกฏความคุ้มครองแบบเดิมๆ ด้วยการมอบอิสระในการเลือกความคุ้มครองได้ตามโรคที่มีความเสี่ยง ชูจุดเด่นคุ้มครองอย่างต่อเนื่องด้วยค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 300,000 บาทต่อหนึ่งกลุ่มโรคที่เกิดจากการใช้ชีวิตประจำวัน ครอบคลุมการรักษาโดยแพทย์ทางเลือกที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข รวมไปถึงสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่อื่นๆ เช่น บริการสายด่วนสุขภาพ 24 ชั่วโมง (Health Care Line) เป็นต้น
จากข้อมูลในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555-2559) พบว่าคนไทยมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่มีลักษณะเรื้อรังอันเนื่องมาจากความเครียดในชีวิตประจำวัน เช่น โรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน นอกจากนี้ สถิติในปี 2558 โดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ยังระบุว่า ความเครียดดังกล่าวทำให้คนไทยวัยทำงาน 60% มีอาการในกลุ่มโรคออฟฟิศซินโดรม เช่น อาการปวดหลังเรื้อรัง ปวดศีรษะไมเกรน และนิ้วล็อค เป็นต้น โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้วางแผนระยะยาวไว้เพื่อช่วยป้องกันและลดการเกิดของโรคเรื้อรังและร้ายแรงในคนไทย
นายจูเลียน เมงกัล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัทซิกน่า ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯได้ทำวิจัยลูกค้าเชิงลึก (Customer Insight Research) เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ความกังวลด้านสุขภาพและการเงินของผู้ที่มีความเสี่ยงจากการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ยังเป็นการป้องกันโรคเรื้อรังที่จะนำไปสู่โรคร้ายแรงอีกด้วย จึงเสนอนวัตกรรมฉีกกฎประกันสุขภาพ ด้วยการมอบอิสระให้กับลูกค้าในการเลือกความคุ้มครองตามโรคที่ตนคิดว่ามีความเสี่ยง สร้างแผนประกันในแบบเฉพาะตน (Personalized) มอบคุณค่าที่ลูกค้าต้องการในราคาที่ลูกค้าสามารถจ่ายได้ (Affordable) ซึ่งนับว่าเป็นก้าวใหม่ของวงการประกันที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน”
สำหรับ เป้าหมายของแผนประกันมิติใหม่นี้ ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งตลาดประกันสุขภาพโดยรวมของบริษัทในปีนี้มีอัตราการเติบโตประมาณ 16% เติบโตเหนือกว่าตลาดโดยรวม และคาดว่าในปี 2560 จะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 40% ส่วนอีก 60% มาจากการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) รวมถึงการประกันเดินทาง (TA) และประกันอื่นๆ ซึ่งในปีนี้ประกันเดินทางขยายตัวประมาณ 200% นับว่าขยายตัวสูงมากมาจากช่องทางดิจิตอล และขายตรง การออกบูธ หรือ (Face to face)
นางสาวนภา ตรีรัตนาวงศ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาด ซิกน่าประเทศไทย กล่าวว่า นอกจากความคุ้มครองครบทุกมิติทั้งโรคร้ายแรงและโรคที่เกิดจากการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว แผนประกันนี้มีจุดเด่นสำคัญอยู่ที่การมอบอิสระให้ลูกค้าเลือกความคุ้มครองที่เหมาะกับตนเองได้ ตอบโจทย์เทรนด์การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับความต้องการเฉพาะบุคคล (Personalized) ซึ่งทำให้ลูกค้าได้รับคุณค่าและสิทธิประโยชน์ที่ตนต้องการอย่างเต็มที่ ในราคาที่ลูกค้าสามารถจ่ายได้ (Affordable)”
สำหรับ รายละเอียด “แผนประกันสุขภาพมิติใหม่…พลัส” ให้ความคุ้มครองพร้อมบริการเสริมพิเศษ ดังนี้
* รับเงินก้อน เมื่อตรวจเจอโรคร้ายแรง สูงสุด 500,000 บาทต่อโรค
* คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลต่อเนื่องสูงสุด 2,500,000 บาทต่อโรค สำหรับโรคร้ายแรง
* ค่ารักษาต่อเนื่องสูงสุด 300,000 บาท ต่อกลุ่มโรค สำหรับโรคจากการใช้ชีวิตประจำวัน
* ครอบคลุมการรักษาด้วยแพทย์ทางเลือก
* มีบริการเสริมต่างๆ เช่น บริการสายด่วนสุขภาพ 24 ชั่วโมง (Health care line)
ลูกค้าสามารถเลือกซื้อความคุ้มครองที่เหมาะกับตนจาก “แผนประกันสุขภาพมิติใหม่…พลัส” ได้จากแผนคุ้มครองหลัก เช่น โรคมะเร็งทุกระยะ (รวมซีสต์และเนื้องอก) การติดเชื้อทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง และกลุ่มโรคออฟฟิศซินโดรม ซึ่งประกอบด้วย 7 โรคได้แก่
โรคเวียนหัวบ้านหมุน การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ โรคกระเพาะอาหาร โรคกรดไหลย้อน นิ้วล็อค หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท และ ผังผืดรัดเส้นประสาทข้อมือ และอาจเลือกซื้อแผนความคุ้มครองเสริมอื่นๆเพิ่มเติมโดยเพิ่มค่าเบี้ยประกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่น ลูกค้าอายุ 35 ปี สามารถเลือกซื้อชุดแผนความคุ้มครองหลักกลุ่มออฟฟิศซินโดรม การติดเชื้อทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร และซื้อความคุ้มครองเสริมโรคหลอดเลือดสมอง โดยมีเบี้ยประกันเริ่มต้นเพียง 500 บาทต่อเดือน เป็นต้น
“ซิกน่าได้เปิดตัวแผนประกันสุขภาพมิติใหม่พลัสในงานสัปดาห์ประกันภัย เมื่อวันที่ 22- 25 กันยายนที่ผ่านมาโดยได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ดังนั้น ปี 2560 จะเดินหน้ารุกตลาดด้วยกลยุทธ์บูรณาการช่องทางการขายทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นช่องทางโทรศัพท์ บูธแนะนำผลิตภัณฑ์ รวมทั้งการขยายช่องทางการขายออนไลน์ผ่านอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) ในอนาคต” นางสาวนภากล่าวปิดท้าย