10 พฤษภาคม 2566 : นายสุรชัย ไตรวิทยางกูร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องภายใต้แนวคิด “ทุกความเสี่ยงภัย เราพร้อมเคียงข้างคุณ” โดยมุ่งเน้นการใช้ข้อมูล (Data Driven) จากฐานลูกค้าที่มีมากกว่า 8 ล้านกรมธรรม์ นำมาวิเคราะห์ วิจัยเพื่อคิดค้น พัฒนา ปรับปรุง และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่างๆ ให้สอดคล้องกับความเสี่ยงภัยทั้งในส่วนของความคุ้มครอง อัตราเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสม และหลากหลายตามความต้องการของผู้เอาประกันภัย
โดยบริษัทฯ ใช้ฐานข้อมูลของลูกค้าที่มีอยู่มาวิเคราะห์วิจัย พบว่ากลุ่มผู้เอาประกันภัยที่เลือกใช้ความคุ้มครองในกรมธรรม์ประเภท 5 (2+, 3+) ซึ่งบริษัทฯ รับประกันภัยเป็นจำนวนมากจากการวิจัยข้อมูลพบว่า ผู้เอาประกันภัยในกลุ่มนี้ไม่มีการเรียกร้องค่าสินไหมฝ่ายประมาทหรือเรียกง่ายๆ ว่าไม่มีเคลม หรือมีเคลมแต่เป็นฝ่ายถูกมีอยู่เป็นจำนวนมาก
ดังนั้น ในปีนี้ บริษัทฯ จึงมีการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ โดยมุ่งกลุ่มเป้าหมายไปที่ผู้เอาประกันภัยที่มีประวัติดี (Good Drive) เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “2+ Good Drive” ขับรถดี ไม่มีเคลม การันตีคืนเงิน 30%! นอกจากนี้ ยังเพิ่มเติมความคุ้มครองภัยก่อการร้ายตามทุนประกันภัย และความคุ้มครองทรัพย์สินส่วนบุคคลภายในรถยนต์จากการโจรกรรมในวงเงิน 10,000 บาทอีกด้วย
นายสุรชัย เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ผลิตภัณฑ์ “2+ Good Drive” ให้ความคุ้มครองหลักเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ 2+ มาตรฐานแต่จะมีความแตกต่างเป็นเงื่อนไขพิเศษอยู่ตรงที่ถ้าผู้เอาประกันภัยไม่มีการเรียกร้องค่าสินไหมฝ่ายประมาทระหว่างปี บริษัทฯ จะคืนเงินให้ทันที 30% ของเบี้ยประกันภัยสุทธิที่ผู้เอาประกันภัยได้จ่ายไปและจะจ่ายคืนภายใน 15 วัน นับจากวันหมดอายุกรมธรรม์ ยกตัวอย่าง หากกรณีมีเคลมจะต้องเป็นอุบัติเหตุเฉพาะรถชนรถเท่านั้น รวมไปถึงผู้เอาประกันจะต้องเป็นฝ่ายถูก แต่หากขับรถไปเฉียวชนโดยไม่มีคู่กรณี กรมธรรม์จะไม่ให้ความคุ้มครอง ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าสามารถทำประกันประเภทนี้ได้ แต่บริษัทก็จะให้ความคุ้มครองเท่ากับทุนประกันที่ซื้อไว้
แต่ในประเด็นที่ลูกค้ามีความมั่นใจว่าขับขี่ดีไม่มีเคลม และมีความระมัดระวังมากขึ้นจนทำให้ทั้งพอร์ตมีเคลมน้อย ดังนั้นโอกาสที่จะขยับแพ็คเกจให้เงินคืนเพิ่มมากขึ้นก็มีแนวทางที่เป็นไปได้ที่จะสูง เช่น มีลูกค้ากลุ่มนี้ประมาณ 3-40,000 กรมธรรม์ เมื่อผ่านไป 1 ปี ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่มีเคลมจริงๆ บริษัทฯ อาจจะปรับอัตราเงินคืนให้สุดถึง 50% ก็เป็นไปได้เนื่องจากก่อนที่จะเปิดตัวกรมธรรม์ดังกล่าวได้ยื่นขออนุมัติจาก สำนักงานคปภ.ไว้ว่ามีเงินคืนน้อยกว่าหรือสูงสุด 50%
“ผลิตภัณฑ์ประกันใหม่ที่บริษัทฯ ออกมาให้ความคุ้มครองนี้ มีอัตราเบี้ยประกันเริ่มต้นที่ 8,600 - 13,900 บาท/ปี โดยรับประกันรถยนต์ที่มีอายุไม่เกิน 20 ปี บริษัทฯ ไม่ได้ตั้งเป้าหมายในการขายไว้แต่อย่างใด แต่เป็นการทำตลาดเพื่อสังคม (Social Marketing) เพื่อมุ่งหวังที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ เป็นแรงจูงใจให้ผู้คนในสังคมขับขี่รถอย่างมีวินัย แน่นอนเมื่อทุกคนขับรถดีมีวินัย อุบัติเหตุทางท้องถนนก็จะเกิดขึ้นน้อยลงตามไปด้วยและแน่นอนว่าความสูญเสียที่คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณราว 5 แสนล้านบาทต่อปี ย่อมลดลงตามไปด้วย” นายสุรชัยกล่าว
นอกจากนี้ สำหรับกรณีความคุ้มครองทรัพย์สินที่อยู่ในตัวรถยนต์ ยกตัวอย่าง โทรศัพท์มือถือ กล้อง โน๊ตบุ๊ค กระเป๋าแบรนด์เนม ฯลฯ ส่วนทรัพย์สินที่เป็นข้อยกเว้นนับเป็นสิ่งที่ตีมูลค่าไม่ได้ เช่น เงินสด สัญญาลิขสิทธิ์ พระเครื่อง เป็นต้น
นายสุรชัยกล่าวต่อไปว่า ในอดีตกรมธรรม์ประเภท 5 หรือ 2+3+ จะมีอัตราส่วนค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) 30-35% แต่เนื่องจากมีการปรับเพิ่มของค่าแรง ค่าอะไหล่ ทำให้ค่าสินไหมปรับตัวสูงขึ้น โดยช่วง 2 ปีทีผ่านมาค่าสินไหมอยู่ประมาณ 45% แต่ไม่ได้นำมาเป็นบรรทัดฐานเนื่องจากอยู่ในสถานการณ์โควิดการใช้รถใช้ถนนจึงค่อนข้างน้อย ทำให้อัตราการเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างน้อย แต่หากประมาณการณ์จากการใช้รถใช้ถนนกลับไปเหมือนเดิมก่อนโควิด รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเชื่อว่าค่าสินไหม 2+3+ จะอยู่ประมาณ 55-60% ดังนั้น โปรดักส์นี้บริษัทฯ ก็คาดการณ์ว่าจะมีค่าสินไหมจะใกล้เคียงเดิม ถึงแม้จะจ่ายเงินคืนให้ 30% ก็ตามเพราะมั่นใจว่าสามารถคัดกลุ่มรถยนต์ที่ดีได้
อย่างไรก็ดี ในอนาคตหากโปรดักส์ “2+ Good Drive” ได้รับการตอบรับที่ดีก็คงมีการขยายตลาดไปส่วนประกันภัยประเภท 1 ไม่มีเคลม มีเงินคืน 30% ได้แต่ต้องพิจารณาให้รอบด้านถึงค่าสินไหมทดแทนที่สูงกว่ากรมธรรม์ 2+3+ ค่อนข้างมาก เนื่องจากการประกันรถยนต์ประเภท 1 มีความคุ้มครองที่กว้างขวางมากกว่า
สำหรับตลาดรถยนต์ในประเทศมีทิศทางฟื้นตัว เมื่อดูจากยอดขายของงานมหกรรมรถยนต์ที่ผ่านมา โดยรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเทรนด์ที่ได้รับการยอมรับมากขึ้น ซึ่งรถจากประเทศจีนที่เข้ามาจะเริ่มเป็นรถใช้งานทั่วไป บางแบรนด์ราคาเท่ากับรถทั่วไป ดังนั้นคาดว่าตลาดประกันภัยรถยนต์ในปีนี้คงมีอัตราเติบโตไม่น้อยกว่า 4% แต่สิ่งที่บริษัทประกันภัยห่วงคือ เรื่องอัตราการเกิดเคลมหลังจากผ่านพ้นสถานการณ์โควิดจะเป็นอย่างไร โดยเชื่อว่าอัตราสินไหมทดแทนคงจะเพิ่มขึ้นจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมาไม่มากนัก จึงทำให้บริษัทประกันภัยยังไม่มีการปรับอัตราเบี้ยประกันเพิ่มขึ้น