WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันเสาร์ ที่ 23 พฤศจิกายน 2567 ติดต่อเรา
ในวันที่ดอกเบี้ยพุ่งสูง…”ตราสารหนี้” ตัวช่วยปั้นพอร์ต

8 พฤษภาคม 2566 : เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Open Market Committee : FOMC) แถลงมติขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งนับเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 10 ตั้งแต่ที่ปรับขึ้นครั้งแรกในเดือน มี.ค.2565 ทำให้อัตราดอกเบี้ยขึ้นไปอยู่ที่ 5-5.25%

เจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ กล่าวภายหลังการประชุมว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐยังไม่ได้ตัดสินใจอย่างแน่ชัดว่าจะหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ซึ่ง “วันนี้ยังไม่มีการตัดสินใจหยุดชั่วคราว”

โดยในถ้อยแถลงกล่าวถึงพัฒนาการของเศรษฐกิจสหรัฐว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจขยายตัวเล็กน้อยในไตรมาสแรก การจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และอัตราการว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงสูง ระบบธนาคารของสหรัฐอเมริกามีความมั่นคงและยืดหยุ่น เงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้งสินเชื่อสำหรับครัวเรือนและธุรกิจ มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน และอัตราเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม เฟดบอกว่า “ขอบเขตของผลกระทบเหล่านี้ยังไม่แน่นอน” และ “คณะกรรมการยังคงให้ความสำคัญกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ”

ส่วนดอกเบี้ยไทย ยังคงต้องติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 31 พ.ค.2566 นี้ อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นของ FED ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์หลายธนาคารในประเทศไทย ต่างปรับอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝาก และเงินกู้สูงขึ้นด้วยเช่นกัน

หากมองด้านการลงทุน ในช่วงดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) มองว่า แม้อัตราดอกเบี้ยภาพรวมจะยังคงสูงอยู่ และอาจเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย หรือใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของการขึ้นดอกเบี้ยแล้วก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ของการลงทุน การที่ธนาคารต่างพากันขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น ก็ส่งผลต่อความกังวลใจของนักลงทุนไม่น้อย ซึ่งแน่นอนว่าการที่ดอกเบี้ยขึ้นสูงเช่นนี้ คงไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ก็ต้องบอกว่าในเรื่องร้ายๆ ก็มีเรื่องดีๆ ซ่อนอยู่ อย่างเช่น การลงทุนกับ “ตราสารหนี้” เป็นต้น

ถ้าเช่นนั้นแล้ว ทำไมการที่ดอกเบี้ยพุ่งสูง ถึงทำให้ตราสารหนี้กลับน่าลงทุน และการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ ที่คาดว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย จะส่งผลดีอย่างไรต่อการลงทุนในตราสารหนี้บ้าง

1.ผลตอบแทนสูง หากเราเข้าซื้อตราสารหนี้ ในวันที่ดอกเบี้ยกำลังพุ่งสูง นั่นหมายความว่า ถึงแม้ในอนาคตดอกเบี้ยจะปรับตัวลดลง ตราสารหนี้ที่เราซื้อไว้ก่อนในช่วงอัตราดอกเบี้ยสูง ก็จะไม่ได้รับผลกระทบ

2.ความเสี่ยงต่ำ ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่เป็นใจ การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ตอบโจทย์มากนัก เพราะส่วนใหญ่มักจะมีความเสี่ยงด้านราคาที่ผันผวนอย่างรุนแรง ซึ่งต่างจากการลงทุนในตราสารหนี้ ที่นับเป็นหนึ่งในการลงทุนที่ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงดอกเบี้ยสูง เพราะเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ตัวอื่นๆ

3.กระจายความเสี่ยงพอร์ตได้ โดยปกติแล้ว ตราสารหนี้มักเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าสินทรัพย์อื่นๆ อย่างหุ้นสามัญ เป็นต้น ดังนั้น การมีตราสารหนี้อยู่ในพอร์ตการลงทุนของเรานั้น ก็จะช่วยกระจายความเสี่ยง และลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตได้

4.มีสภาพคล่องที่ดี หากเรามีมุมมองว่าในอนาคตอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลง การที่เราเข้าซื้อตราสารหนี้ในวันนี้เลย ซึ่งมีการจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่า ก็จะทำให้ราคาของตราสารหนี้ที่เราซื้อมานั้น มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นในอนาคตเมื่ออัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวลงจริงๆ

ดังนั้น หากถามว่า การที่ดอกเบี้ยพุ่งสูงนั้น เราควรที่จะลงทุนอยู่หรือไม่ คำตอบก็คือ สามารถลงทุนได้ เพียงแต่ต้องหาสินทรัพย์ที่ได้รับประโยชน์จากสถานการณ์นี้ก็เพียงเท่านั้น 

การเงิน ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP