24 เมษายน 2566 : ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยเจอหลาย shock ทั้งวิกฤตโควิด เงินเฟ้อสูงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน USD แข็งค่า และล่าสุดปัญหาแบงก์ในสหรัฐฯ ที่แสดงถึงอาการ “น้ำลด ตอผุด” หลังเจอดอกเบี้ยขึ้นเร็ว แต่เศรษฐกิจไทยผ่านมาได้ และคาดจะฟื้นตัวต่อเนื่อง
โดยคาดว่า เสถียรภาพด้านต่างๆ เช่น ระบบสถาบันการเงิน ด้านต่างประเทศ เข้มแข็ง แต่ยังต้องติดตามหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งปีนี้ แรงส่งหลักของเศรษฐกิจไทยมาจากภาคท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ ขณะที่การส่งออกคาดปรับดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
สำหรับทิศทางของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลง และล่าสุดกลับเข้ากรอบเป้าหมายที่ 1%-3% แล้ว แต่เงินเฟ้อพื้นฐานยังสูงกว่าในอดีตและอาจเสี่ยงว่าจะอยู่สูงต่อเนื่องจากการส่งผ่านต้นทุนและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว
อย่างไรก็ดี จากเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง นโยบายเศรษฐกิจปัจจุบันควรคำนึงถึงเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินของประเทศและทยอยปรับสู่ภาวะปกติ มากกว่ากระตุ้นเศรษฐกิจแบบหว่านแหวงกว้าง
ดังนั้น ลักษณะนโยบายที่มุ่งหวัง คือ 1. ต้องไม่บั่นทอนเสถียรภาพของประเทศ ทั้งด้านราคา ต่างประเทศ ระบบสถาบันการเงิน และการคลัง วิกฤตในต่างประเทศหลายครั้งเกิดจากการขาดเสถียรภาพด้านใดด้านหนึ่ง 2.นโยบายเศรษฐกิจมหภาคควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว เช่น พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม พัฒนาระบบ social safety net ซึ่งต้องประเมินผลดี-ผลเสียของนโยบายอย่างรอบด้าน และคำนึงถึงทรัพยากรที่มีจำกัด