5 เมษายน 2566 : นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจไทยได้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะความไม่แน่นอนจากต่างประเทศ ได้แก่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก เสถียรภาพของระบบธนาคารในสหรัฐฯและยุโรป อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯและยุโรปที่ยังคงอยู่ในระดับสูงท่ามกลางแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นที่มีความไม่แน่นอนสูงขึ้น และเพื่อให้สอดคล้องกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ธนาคารจึงได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงสุด 0.30% ต่อปี และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อสะท้อนต้นทุนทางการเงินในระบบที่สูงขึ้น
โดยปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.620% เป็น 6.870% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (Minimum Loan Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.350% เป็น 6.600% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.895% เป็น 7.145% ต่อปี ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยใหม่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2566 เป็นต้นไป
ธนาคารไทยพาณิชย์ตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับลูกค้าของธนาคารจากการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในครั้งนี้ ดังนั้น ธนาคารจึงยังคงมาตรการพิเศษในการช่วยเหลือลูกค้าในด้านต่างๆ ต่อไป โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ยังเปราะบาง โดยคำนึงถึงศักยภาพและโอกาสในการปรับตัวของลูกค้าในอนาคต สำหรับลูกค้าที่ประสงค์จะขอรับความช่วยเหลือหรือคำปรึกษา สามารถติดต่อธนาคารได้ในช่องทางที่ลูกค้าติดต่ออยู่ หรือสามารถสอบถามได้ที่ศูนย์บริการลูกค้า SCB Call Center 02-777-7777