31 มีนาคม 2566 : วางแผนภาษีคือการเตรียมแผนการเพื่อเสียภาษีให้ถูกต้อง ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กฎหมายภาษีอากรกำหนดไว้โดยใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างเต็มที่หากเราวางแผนภาษีได้เป็นอย่างดีจะทำให้เราเสียภาษีน้อยลง เงินที่เหลือเราก็สามารถนำไปต่อยอดให้งอกเงยได้มากยิ่งขึ้น
โดยปกติแล้วการวางแผนภาษีที่ดีนั้น นอกจากจะต้องพิจารณาเรื่องรายได้ที่จะได้รับในปีนั้นๆ และสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามเงื่อนไขต่างๆ แล้ว ยังจะต้องพิจารณาเรื่องเวลาด้วย เพราะการวางแผนตั้งแต่เนิ่นๆ จะทำให้เรามีเวลาเหลือเพียงพอที่จะนำรายได้หรือเงินที่ต้องจ่ายภาษีมาทำประโยชน์ได้ก่อนซึ่งจะช่วยให้เราใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นักการเงินหรือนักวางแผนภาษีจึงมักแนะนำให้วางแผนภาษีไว้แต่เนิ่นๆ เพื่อให้เราได้เห็นภาพของการบริหารภาษีและเงินได้ของเราในแต่ละปีได้ชัดเจน และทำประโยชน์ได้มากที่สุด ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเจนมากๆ ของการวางแผนภาษีตั้งแต่ต้นปีมีอะไรบ้าง ลองมาติดตามไปกับบทความนี้เลย
1. ทราบตัวเลขรายได้สุทธิที่ชัดเจน เพื่อวางแผนการใช้จ่ายในแต่ละเดือน
อย่างที่ทราบดีว่ารายได้หรือเงินเดือนที่ได้จากการทำงานหรือการลงทุนใดๆ ไม่ใช่รายได้สุทธิที่เราจะเอาไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ทั้งหมด รายได้ที่ได้รับจะต้องถูกหักภาษี เงินประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident funds) และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งนี้ ภาษีคือเงินก้อนใหญ่ที่มักจะถูกหักจากเงินเดือน บางบริษัทสามารถทำเรื่องบันทึกค่าลดหย่อนในแบบแจ้งรายการเพื่อหักลดหย่อน (ล.ย.01) ได้ ทำให้ภาษีที่ถูกหักในแต่ละเดือนน้อยลงและใกล้เคียงกับการยื่นภาษีประจำปีมากขึ้น เพราะถูกคำนวณหลังจากหักค่าลดหย่อนแล้ว
การที่เราจะบันทึกค่าลดหย่อนได้นั้น เราต้องมีการวางแผนภาษีก่อนจึงจะทราบว่าเราควรจะใช้สิทธิลดหย่อนในเรื่องใดและจำนวนเท่าไร เมื่อเราได้บันทึกค่าลดหย่อนไปแล้ว บริษัทจะคำนวณภาษีและหักภาษีจากเงินเดือนตามข้อมูลที่เราได้แจ้งไป ทำให้ได้เงินเดือนในแต่ละเดือนมากขึ้น เงินที่ได้เพิ่มขึ้นมาก็สามารถนำไปใช้ทำประโยชน์อื่นๆ ได้ด้วย ดังนั้น การที่เราวางแผนภาษีเร็ว และบันทึกค่าลดหย่อนเร็ว จะยิ่งทำให้เราได้เงินกลับมาทำประโยชน์ได้เร็วขึ้นนั่นเอง
2. เตรียมเงินไว้เพียงพอต่อการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี
ปัญหาคลาสสิกที่พบจากการไม่ได้วางแผนภาษีล่วงหน้า คือ เมื่อใกล้ช่วงสิ้นปีเราต้องรีบใช้สิทธิลดหย่อนภาษี และเมื่อคำนวณภาษีที่ต้องจ่ายออกมาก็พบว่าจะต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อประกัน กองทุนรวม หรือต้องใช้จ่ายเพื่อการลดหย่อนภาษีต่างๆ อีกมากมาย ด้วยความที่เป็นเงินก้อนใหญ่ทำให้เงินที่เตรียมไว้มักจะไม่เพียงพอ ต้องรีบขายหุ้นหรือกองทุนรวมเพื่อมาซื้อผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ส่งผลต่อแผนการลงทุนและแผนการใช้เงินที่ได้เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว
หากมีการวางแผนภาษีตั้งแต่ต้นปี ทำให้เราสามารถเตรียมเงินหรือแบ่งเงินส่วนหนึ่งไว้พร้อมสำหรับการซื้อกองทุนและประกันในช่วงปลายปีหรือจะทยอยซื้อในระหว่างปีก็ได้ โดยไม่กระทบต่อแผนการลงทุนและแผนการใช้เงินด้วย
3. สามารถทยอยซื้อกองทุนรวมเพื่อลดหย่อนภาษี (SSF, RMF) ได้ทุกๆ เดือน ทำให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนระหว่างปี
เมื่อเราได้วางแผนภาษีเรียบร้อยแล้วจะทำให้เรารู้ว่าจะต้องซื้อกองทุน SSF/RMF จำนวนเท่าไร ซึ่งเราไม่สามารถคาดเดาช่วงเวลาที่จะสามารถซื้อกองทุนในช่วงที่ถูกที่สุดของปีได้ แต่เราสามารถทยอยซื้อกองทุนในทุกๆ เดือน หรือการทำ DCA (Dollar-Cost Averaging) เพื่อเฉลี่ยต้นทุนการซื้อ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากการลงทุน อีกทั้งยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนระหว่างปีจากการปันผลของกองทุนรวมเพิ่มขึ้นอีกด้วย
4. ซื้อประกันเร็วจะได้รับความคุ้มครองก่อน
หากต้องมีการซื้อประกันไม่ว่าจะคุ้มครองชีวิตหรือสุขภาพ การวางแผนภาษีไว้ล่วงหน้าจะช่วยให้เราสามารถซื้อประกันไว้ก่อนได้เลย หากซื้อประกันไว้ตั้งแต่ต้นปีนั่นหมายความว่าเราก็ย่อมได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ที่เราเลือกได้ก่อน และประกันบางประเภทมีระยะเวลารอคอย (Waiting Period) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประกันจะยังไม่คุ้มครองหลังจากซื้อประกันแล้ว ทำให้เรามีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับความคุ้มครองอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้น หากเรามาซื้อประกันช่วงปลายปีก็อาจจะไม่ได้รับความคุ้มครองในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ที่เราอาจจะมีการเดินทางไปท่องเที่ยวและพักผ่อนนั่นเอง
5. ถ้าซื้อประกันที่ได้ผลตอบแทน จะได้ผลตอบแทนกลับมาเร็วมากกว่า
ประกันบางประเภทนอกจากจะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้แล้ว ยังสามารถสร้างผลตอบแทนคืนกลับมาให้ผู้ซื้อประกันด้วย เช่น ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endowment) ประกันประเภทนี้มักจะมีการจ่ายคืนผลตอบแทนกลับมาในรูปของเงินคืนในแต่ละปีกรมธรรม์ หากเราได้ทำประกันประเภทนี้ไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปี เราก็จะได้รับผลตอบแทนกลับมาในช่วงต้นปีถัดๆ ไป ทำให้สามารถเอาผลตอนแทนที่ได้รับไปลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
อย่าลืมว่าช่วงปลายปีคือเวลาสังสรรค์ เฉลิมฉลอง และพักผ่อน อย่าให้การลดหย่อนภาษีมาเบียดบังเวลาแห่งความสุขอันมีค่าของเรา ดังนั้นการรีบวางแผนภาษีไว้ก่อนก็เพื่อให้ความสุขปลายปีเป็นความสุขที่สมบูรณ์ของเรานั่นเอง
สำหรับใครที่กำลังมองหาประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ เราก็มี 3 ตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้ครบทั้งการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท* การออมเงินเพื่อเป้าหมายระยะสั้น การออมเงินเพื่อความมั่นคงในอนาคต การคุ้มครองชีวิต และเพิ่มโอกาสในการรับเงินปันผลได้มากขึ้น
- KKPGEN Wealth 12/5 (Par) เน้นวางแผนออมเงิน จ่ายเบี้ยสั้น พร้อมโอกาสรับเงินปันผล ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : https://link.kkpfg.com/YCCWe
- KKPGEN Extra 25/15 เน้นวางแผนออมเงิน และความคุ้มครองชีวิตนาน 25 ปี พร้อมรับผลตอบแทนรวม 147%** ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : https://link.kkpfg.com/wRErw
- KKPGEN Infinite Return เน้นวางแผนเกษียณ ที่การันตีรับเงินคืนสูงสุด 24%** ต่อเนื่องตั้งแต่อายุ 61-89 ปี ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : https://link.kkpfg.com/USL57
หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ธนาคารเกียรตินาคินภัทรทุกสาขา หรือ โทร. 02 165 5555
*เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด
**ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
คำเตือน:
– พิจารณารับประกันภัย โดย บมจ. เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) เงื่อนไขการสมัครและชำระเบี้ยประกันภัย เป็นไปตามที่ผู้รับประกันภัยกำหนด
– ธนาคารในฐานะนายหน้าประกันชีวิต
– ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียด ความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง