22 มีนาคม 2566 : นายพีระพัฒน์ เมฆสิงห์วี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความสำเร็จในปี 2565 บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตด้านเบี้ยประกันรับรวม 10,320 ล้านบาท ขยายตัว 24% โดยมาจากช่องทางประกันภัยรถยนต์ 89% ประกันภัยจากช่องทาง Bancassurance 46% และช่องทาง Non-bank 54% Loss Ratio 52% มีฐานลูกค้าเฉลี่ย 1.1 แสนราย และมีจำนวนกรมธรรม์ 1.5 ล้านกรมธรรม์ เฉลี่ยทั้งระบบขณะนี้ธนชาตอยู่ดันดับที่ 6 ของอุตสาหกรรมที่มี 50 บริษัท ดังนั้น เป้าหมายการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวมในปี 2566 ตั้งไว้ที่ 12,000 ล้านบาท หรือเติบโต 16%
ท้้งนี้ ด้วยการสนับสนุนจาก บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) ที่มีความมั่นคงทางการเงินสูง พร้อมผลักดันให้ธนชาตประกันภัยเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด มุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจประกันวินาศภัยลูกค้ารายย่อย ด้วยการดำเนินงานผ่านกลยุทธ์ 5 ขุมพลัง (Thanachart Insurance, The power of protection ธนชาตประกันภัยขุมพลังที่ให้คุณมากกว่า)
1. The power of protection. พลังของการดูแลความเสี่ยงให้กับลูกค้าได้ครอบคลุมและตรงกับความต้องการ ในปีนี้จะมุ่งขยายตลาดประกันภัยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) จากปัจจุบันรับประกันอยู่จำนวน 2,000 คัน เบี้ยประกันรับ 200 ล้านบาท คาดว่าจะมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 20% โดยประเมินว่าปีนี้จะมีรถไฟฟ้าจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 50,000 คัน
โดยตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะบุกทั้งป้ายแดงและปีต่ออายุ เน้นให้ความคุ้มครองครอบคลุมทุกกรณี ด้วยเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมใกล้เคียงกับรถยนต์สันดาป
พร้อมบริการหลังการขายระดับพรีเมี่ยมมาตรฐานของธนชาตประกันภัย โดยเฉพาะความกังวลเรื่องแบตเตอรี่รถหมดระหว่างการเดินทาง มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินประสานรถยกไปจุดชาร์ตที่ใกล้ที่สุดในรัศมี 20 กม. รวมถึงการพัฒนาบริการครบวงจร เพื่อมุ่งสู่ความเป็นผู้นำในตลาดประกันภัยรถไฟฟ้า
นอกจากนี้ ได้ขยายความเชี่ยวชาญไปยังตลาดรถบรรทุกใหญ่ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถบรรทุกใหญ่ ที่มีทั้งแบบประเภท 1 สำหรับรถบรรทุกใหญ่อายุ 1-10 ปี และประเภท 2+ สำหรับรถบรรทุกใหญ่อายุเกิน 10 ปี ในรูปแบบแพ็กเกจที่เข้าใจง่าย มีความชัดเจนเรื่องทุนประกันภัยและเบี้ยประกันภัย เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่าย คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตให้ได้ 300% ซึ่งรถบรรทุกทั้งตลาดมีประมาณ 5 แสนคัน จากเดิมมีกว่า 1 ล้านคัน แต่จากสภาวะโควิดจึงยังไม่กลับมาวิ่ง แต่คาดว่าคงทยอยกลับเข้ามาในระบบเมื่อระบบขนส่งเปิดเต็มที่
ในขณะเดียวกันจะเพิ่มสัดส่วนในผลิตภัณฑ์ประกันภัยคุ้มครองสินเชื่อ ประกันภัยคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลสำหรับกลุ่มครอบครัว เพื่อช่วยบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการเงินให้กับลูกค้าด้วย ได้แก่ ประกัน PA อุ่นรัก, PA for Child และ PA แทนรัก
2. The power of partnerships. พลังของการเสริมเครือข่ายพันธมิตรให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจร่วมกับพันธมิตรปัจจุบันเพื่อรักษาฐานการตลาด ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมให้กับกลุ่มลูกค้าปัจจุบันของบริษัทและยังขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ด้วย พร้อมกันนี้ ธนชาตประกันภัยยังได้ดำเนินการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ ครอบคลุมพื้นที่ในกรุงเทพและภูมิภาค ทั้งในกลุ่มผู้ให้บริการสินเชื่อ โบรกเกอร์ และดีลเลอร์ที่ขายงานรถ EV และรถบรรทุกโดยตรงอย่างต่อเนื่อง
3. The power of ultimate services. พลังของการสร้างประสบการณ์งานบริการที่เหนือกว่า ธนชาตประกันภัยพัฒนางานบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวก รวดเร็ว และง่ายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งด้านเครือข่ายอู่ซ่อมรถยนต์และศูนย์บริการที่มีมาตรฐานครอบคลุมทุกจังหวัดกว่า 1,634 แห่งทั่วประเทศ การขับเคลื่อนองค์กรให้เป็น Digital Insurance โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนาประสิทธิภาพและสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง อาทิ การให้บริการผ่าน Line Service “ธนชาตประกันภัย” ซึ่งลูกค้าสามารถแจ้งอุบัติเหตุไปจนถึงต่ออายุกรมธรรม์ได้ง่ายๆ
อีกทั้ง ยังเพิ่มบริการ Meet and Care ผู้ช่วยส่วนตัวดูแลงานซ่อมรถแทนลูกค้า ตั้งแต่การประสานงานกับอู่ซ่อมรถ รายงานสถานะงานซ่อมทุกระยะ รวมถึงช่วยตรวจคุณภาพงานซ่อมก่อนส่งมอบรถคืนให้กับลูกค้า โดยปีนี้จะขยายพื้นที่บริการ Meet and Care ไปยังสาขาธนชาตประกันภัยเพิ่มเติมอีก 14 แห่ง และยังได้เปิดตัวบริการ “Photo Claim” ซึ่งให้ลูกค้าสามารถจัดการงานเคลมได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่สำรวจภัยให้บริการซึ่งจะช่วยตอบโจทย์ความสะดวกและรวดเร็วให้กับลูกค้ายิ่งขึ้น
4. The power of technology พลังสร้างสรรค์ด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และการประยุกต์ใช้ข้อมูล ธนชาตประกันภัยให้ความสำคัญกับระบบ Information Security Management System (ISMS) ระบบบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ ซึ่งได้ผ่านการรับรองตามมาตรฐานระดับสากล ISO/IEC 27001:2013 แล้ว ยังได้พัฒนาระบบการทำงานแบบ Automate โดยใช้เทคโนโลยี Robotic Process Automation (RPA) มาประยุกต์ใช้เพื่อลดเวลาดำเนินการ อาทิ ขั้นตอนการจัดอะไหล่ได้ถูกต้อง แม่นยำ และเป็นไปอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาทีม Data Scientist ผนวกกับการลงทุนโครงสร้างด้าน Infrastructure จัดทำ Data - Lake เพื่อพัฒนา AI ของตนเอง เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการด้านผลิตภัณฑ์และบริหารประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
5. The power of people พลังของบุคลากร ธนชาตประกันภัยเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยผลสำเร็จของงาน จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า โดยการสร้างวัฒนธรรมองค์กรผ่าน IDO Culture ทั้งเรื่องของ Insightful มีความเชี่ยวชาญในงานที่ทำ Dynamic ยืดหยุ่น ความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ อย่างรวดเร็ว และ Optimal รู้จักวางแผนพร้อมจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
รวมถึงการสร้างมาตรฐานการทำงานให้มีความสุข เน้นผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินงาน โดยนำเครื่องมือด้านบริหารบุคลากรมาใช้ในหลายมิติ อาทิ การจัดทำ OKR และ KPI, ส่งเสริมรูปแบบการทำงานแบบ Agile, การปรับวิธีการทำงานให้สอดรับกับคนรุ่นใหม่ เช่น การปรับสำนักงานให้เป็นแบบ Hybrid Workplace
สำหรับภาพรวมความสำเร็จในปี 2565 ที่ผ่านมา ธนชาตประกันภัยมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 10,320 ล้านบาท เติบโต 24% มีกำไรสุทธิ 697 ล้านบาท โดยมาจากประกันภัยรถยนต์ 89% จากทุกช่องทางการจำหน่าย พร้อมฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีสินทรัพย์รวม 17,481 ล้านบาท ทุนจดทะเบียนชำระเต็ม 4,930 ล้านบาท มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน Car Ratio 576.8% ส่งผลให้สถาบันทริสเรทติ้งยังคงจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินที่ระดับ AA- (stable) สะท้อนมุมมองให้เห็นว่าธนชาตประกันภัยมีศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่อยู่ในระดับที่ดีมาก
“เราเป็นบริษัทประกันภัยที่มีนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมด้วยความแข็งแกร่งมั่นคงทางการเงิน บริหารความเสี่ยงอย่างมืออาชีพ รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยสร้างสรรค์คุณภาพงานบริการที่เป็นเลิศให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในแบรนด์ธนชาตประกันภัย ที่พร้อมจะมุ่งสู่อันดับ 1 ในใจของลูกค้าด้านผลิตภัณฑ์ประกันภัย” นายพีระพัฒน์ กล่าว