24 กุมภาพันธ์ 2566 : มร.โทมัส วิลสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวถึงเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2566 นี้ ถือเป็นปีแห่งโอกาสที่เราจะนำเอาแนวทางการทำงานตามกลยุทธ์ Strategy 2025 ที่ได้สร้างความสำเร็จมาแล้ว มาต่อยอดการทำงานเพื่อสร้างอัตราเร่งของการเติบโตไปอีกขั้น โดยตั้งเป้าพิชิตยอดเบี้ยประกันรับรวมปีนี้ 10% หรือ 3.77 หมื่นล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับปีแรก 7.7 พันล้านบาท
โดยยังคงยึดกรอบการทำงานบน 4 เสาหลักสำคัญ ได้แก่
เสาแรก Faster Growth – สร้างการเติบโตแบบเร่งรัด โดย ช่องทางตัวแทนยังคงเป็นช่องทางหลักในการสร้างเบี้ยประกันภัยรับปีแรกรายปี (ANP) และกำไร โดยปีนี้ บริษัทจะต่อยอดจากโปรแกรมที่เน้นการเติบโต ใช้การแข่งขัน กิจกรรมที่สร้างความท้าทายใหม่ๆในการทำงาน ซึ่งได้พิสูจน์มาแล้วว่าช่วยกระตุ้นการสร้างยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ Elite Program, The Master Financial Advisors ซึ่งได้สร้างตัวแทนใหม่มากถึงกว่า 7,000 คน และสามารถกระตุ้นยอดขายผลิตภัณฑ์ยูนิตลิงก์ให้เติบโตได้มากถึง 114% ดังนั้นปีนี้ก็ยังมีการจัดการแข่งขัน The Master Financial Advisors ต่อเนื่อง
โดยในปีนี้ ทางบริษัทฯ ได้ทำการเปิดตัว โปรแกรมใหม่ The Franchise Builder มุ่งผลักดันสร้างตัวแทนระดับผู้บริหารให้เพิ่มจำนวนยิ่งขึ้น
เสาที่ 2 Product Leadership – มุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ และครอบคลุมทุกความต้องการคุ้มครองสุขภาพของลูกค้าทุกกลุ่ม อีกทั้งวางแผนเติบโตพอร์ทประกันควบการลงทุน (Unit-linked) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่ผ่านมา มีการเปิดตัวสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพ UDR เพื่อใช้แนบกับประกันควบการลงทุนโดยเฉพาะ รวมทั้งเปิดตัวกองทุนต่างประเทศ และในปีนี้บริษัทฯยังจะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น
"ผลิตภัณฑ์ที่เน้นทางด้านประกันสุขภาพ Health series ได้แก่ My First Class , My Health Plus Double care และ My Health Plus Sabai Krapao เป็นต้น"
เสาที่ 3 Operating Profit – ประกอบไปด้วยการสร้างวินัยในการใช้จ่าย พร้อมหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อจัดกลุ่มลูกค้าตาม segment ต่างๆ เพื่อจะได้มอบผลิตภัณฑ์และความคุ้มครองที่สร้างมาให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างแม่นยำ พร้อมตัวแทนมืออาชีพดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด
เสาที่ 4 Franchise Health – อลิอันซ์ อยุธยา ให้ความสำคัญในเรื่องการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และการสร้างความผูกพันธ์ระหว่างพนักงานกับองค์กร โดยเราได้รับคะแนน NPS Score ซึ่งเป็นคะแนนในด้านความพึงพอใจของลูกค้าเป็นอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 และได้คะแนน AES Score ซึ่งเป็นคะแนนในด้านความผูกพันธ์ของพนักงานต่อองค์กร สูงเป็นอันดับ 2 จากบริษัทในเครืออลิอันซ์ทั่วโลก
ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจของ อลิอันซ์ อยุธยา ไม่เพียงเพื่อผลักดันธุรกิจให้เติบโตตามเป้าหมายเท่านั้น แต่เรายังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่สร้างความยั่งยืน เราจึงมีนโยบายการดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และการช่วยเหลือชุมชนอย่างต่อเนื่อง
มร.โทมัส วิลสัน กล่าวว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมา อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ทุกช่องทางการขายทำผลงานน่าพอใจเป็นอย่างยิ่งทำให้ผลการดำเนินธุรกิจในภาพรวมเติบโตสูงเหนือตลาด โดยเบี้ยประกันภัยรับปีแรกรายปี (ANP) เติบโตถึง 15% อยู่ที่ 7 พันล้านบาท มาจากช่องทางตัวแทน 2.9 พันล้านบาท เติบโต 25% ช่องทางขายผ่านธนาคาร 2.7 พันล้านบาท เติบโต 17% และช่องทางอื่นๆ อาทิ
ช่องทางขายตรงและประกันกลุ่มอีกประมาณ 1.6 พันล้านบาท ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เบี้ยประกันภัยรับรวม (GWP) เติบโต 7% อยู่ที่ 3.43 หมื่นล้านบาท ในขณะที่ตลาดเติบโตติดลบ 1% (จากตัวเลขถึงเดือนพ.ย. 2565) ในด้านการขายผลิตภัณฑ์ ประกันสุขภาพยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นที่สุด มีการเติบโตต่อเนื่อง โดยปีที่ผ่านมาเบี้ยรับปีแรกของเฉพาะผลิตภัณฑ์สุขภาพเติบโตถึง 11%
นอกจากนั้น อลิอันซ์ อยุธยา ยังได้รับคะแนน NPS Score ที่ใช้วัดความพึงพอใจลูกค้าเป็นอันดับ 1 สูงกว่าค่ากลางของตลาด ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 และได้คะแนน AES Score ที่ใช้วัดความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร สูงเป็นอันดับ 2 จากบริษัทในเครืออลิอันซ์ทั่วโลก สิ่งเหล่านี้ช่วยตอกย้ำว่า อลิอันซ์ อยุธยา เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญในเรื่องการสร้างความพึงพอใจ และความผูกพันธ์ทั้งในส่วนของลูกค้า และพนักงาน
ขณะเดียวกัน กลุ่มอลิอันซ์ บริษัทผู้ถือหุ้นหลักของ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ได้รายงานผลประกอบการประจำปี 2565 บริษัทสร้างผลงานได้ดีมาก ทั้งรายได้และกำไรจากการดำเนินงานที่สูงเป็นประวัติการณ์ โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 2.8% อยู่ที่ 1.527 แสนล้านยูโร (ประมาณ 5.27 ล้านล้านบาท) กำไรจากการดำเนินงานพุ่ง 5.7% อยู่ที่ 1.42 หมื่นล้านยูโร (หรือประมาณ 4.9 แสนล้านบาท) จากผลประกอบการที่ดีเยี่ยมของประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด (Property-Casualty) และประกันชีวิต/สุขภาพ ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนเพื่อความมั่นคง (Solvency II capitalization) อยู่ที่ 201 เปอร์เซ็นต์ ณ สิ้นไตรมาสที่ 4 ของปี 2565
มร.โอลิเวอร์ เบเทอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มอลิอันซ์ กล่าวว่า ทั้งรายได้และกำไรจากการดำเนินงานที่สูงเป็นประวัติการณ์ของเราในปี 2565 ตอกย้ำสถานะอันแข็งแกร่งของอลิอันซ์ในฐานะสถาบันการเงินระดับโลกที่ใหญ่ที่สุด มีความสามารถในการฟื้นตัวได้ดีเยี่ยมและมีความน่าเชื่อถือมากที่สุด โดยผลการดำเนินงานของอลิอันซ์ที่ยอดเยี่ยมนี้ เป็นผลจากการวางแผนและดำเนินการอย่างรอบคอบและต่อเนื่อง การบริหารจัดการเงินทุนอย่างมีวินัย