21 กุมภาพันธ์ 2566 : นายประกอบ เพียรเจริญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า ทิศทางสินเชื่อรายใหญ่ปีนี้ เชื่อว่ามีโอกาสเติบโตต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่กลับมาดีขึ้น ธนาคารจึงวางเป้าหมายสินเชื่อดังกล่าวปีนี้ที่ 5% คิดเป็นเม็ดเงินสินเชื่อปล่อยใหม่ประมาณ 24,000 ล้านบาท จากยอดสินเชื่อคงค้างในปัจจุบันอยู่ที่ 474,500 ล้านบาท โดยเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อนี้ได้รวมถึงการปล่อยสินเชื่อ ESG ด้วย
โดยธนาคารมองว่า กลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มดีที่สามารถผลักดันเป้าหมายสินเชื่อให้เติบโต ได้แก่ กลุ่มอาหาร-เครื่องดื่ม กลุ่มสื่อสาร กลุ่มพลังงาน เป็นต้น ขณะที่กลุ่มที่ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า คือ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ยอดปล่อยสินเชื่อธุรกิรรายใหญ่ช่วงปีที่ผ่านมา ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อเติบโตได้กว่า 2% พร้อมวางเป้าหมายสนับสนุนโครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืน 50,000 – 100,000 ล้านบาทภายในปี 2573
"ปี 2565 ธนาคารประสบความสำเร็จในการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมธุรกิจให้กับลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ยอดสินเชื่อลูกค้าธุรกิจมีอัตราเติบโตอยู่ที่ 2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มียอดสินเชื่อคงค้างกว่า 474,500 ล้านบาท ขณะเดียวกันธนาคารได้ให้ความสำคัญกับแนวคิดการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลสู่ความยั่งยืน หรือ ESG Financing มาตลอด
ปีที่ผ่านมาธนาคารสนับสนุนการเงินเพื่อความยั่งยืนกว่า 35,000 ล้านบาท นับเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของกรุงศรีในด้าน ESG ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง " นายประกอบ กล่าว
ทั้งนี้ ทางด้านธุรกิจวาณิชธนกิจเติบโตดีซึ่งปีนี้มีดีลการร่วมทุน-ควบรวมกิจการมากกว่า 10 ดีล ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจในหมวดอาหารและเครื่องดื่มมีไซส์ขนาดกลางประมาณ 1,000-5,000 ล้านบาท ส่งผลให้รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย(ค่าฟี) ปีนี้สามารถเติบโตได้สองหลักเหมือนช่วงปีที่ผ่านมา ส่วนความคืบหน้าการซื้อธุรกิจบริษัท หลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ CNS มีความคืบหน้าไปมากแล้วกว่า80-90% คาดว่า ดีลดังกล่าวแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2566 ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนสุดท้ายของการซื้อ-ขายธุรกิจ หลังจบดีลสมบูรณ์ธนาคารจึงสามารถแจงรายละเอียดอื่นๆ ได้ต่อไป
" ปี 2566 เดินหน้าต่อยอดความสำเร็จในการสร้างตลาดการเงินด้านความยั่งยืนตามโมเดล ESG ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ชูจุดเด่น Total Financing & Hedging Solutions นำเสนอนวัตกรรมทางการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร พร้อมสร้างความแตกต่างด้วยบริการที่ปรึกษาด้านการเงินและการลงทุนโดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน ผนึกกำลังผ่านเครือข่ายของ MUFG เพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและอาเซียน มุ่งมั่นเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจของลูกค้าอย่างต่อเนื่องตามแผนธุรกิจระยะกลางฉบับปัจจุบันปี 2564 – 2566 สู่การเป็นพันธมิตรที่ลูกค้าธุรกิจไว้วางใจ" นายประกอบ กล่าวสรุป