WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันเสาร์ ที่ 23 พฤศจิกายน 2567 ติดต่อเรา
จับตา…JFIN คริปโตฯสัญชาติไทย

16 มกราคม 2566 : หลังจากที่ตลาดปโตเคอร์เรนซีเงียบสงบไปเนินนาน จนแทบจะหาความหวือหวาแทบไม่ได้เลย ด้วยปัจจัยลบเข้ามากระทบอย่างต่อเนื่อง จนชาวคริปโตฯกุมขมับ แต่ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ หลังทิศทางตลาดเริ่มมีความสดใสมากขึ้น ล่าสุด บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (Bitkub)แพลตฟอร์มการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล เผยถึงทิศทางการลงทุนคริปโตฯได้อย่างน่าสนใจ

โดยระบุว่า นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2566 ราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นติดต่อกัน 8 วัน ทะลุ 18,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ(600,000 บาท) จนถึงวันที่ 12 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา ขณะที่ ราคา ETH เพิ่มขึ้นแตะ 1,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ (46,000 บาท) แสดงให้เห็นว่าตลาดคริปโตเคอร์เรนซีกำลังมีทิศทางเชิงบวก แสดงถึงการคาดการณ์ของตลาดที่ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อกำลังลดลง และธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) อาจชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

สำหรับเหรียญคริปโตฯ ส่วนใหญ่ที่รู้จักและคุ้นเคยกันดีจะเป็นเหรียญจากต่างชาติ แต่สำหรับตลาดคริปโตฯที่เป็นสัญชาติไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ที่น่าลงทุนนั้น อยากให้สาวกคริปโตฯ ทำความรู้จัก JFIN Coin ให้มากขึ้น เพราะมีดีพอสมควร

หากเราเจาะลึก JFIN ว่ามีดีเหมาะลงทุนหรือไม่นั้น Bitkub แสดงความเห็นว่า หลังจากการที่ “บอย ท่าพระจันทร์” เซียนพระชื่อดังของไทย ได้นำเงินกว่า 170 ล้านบาทมาลงทุนในเหรียญ JFIN แถมยังเติมพอร์ตด้วยการทำ Dollar-Cost Averaging (DCA) คือ เป็นการลงทุนโดยถัวเฉลี่ยต้นทุนโดยลงทุนด้วยจำนวนเงินที่เท่าๆ กัน ในระยะเวลาหนึ่งอย่างต่อเนื่องทุกเดือนนั้น

ทำให้หลายคนสงสัยว่า JFIN Coin มีดีอย่างไร? ถึงได้ทุ่มเงินลงทุนต่อเนื่องในทุกๆเดือน ซึ่ง JFIN ยังมีรายละเอียดเบื้องลึกของเหรียญอีกมากมายที่เราอาจยังไม่เคยรู้ ทั้งเหรียญ JFIN ใช้ทำอะไร มีแพลตฟอร์มใดเกี่ยวข้องบ้าง รวมถึงมีเรื่องอะไรที่คุณควรรู้เกี่ยวกับเหรียญ

เพื่อทำความเข้าใจกับเหรียญดังกล่าวให้เข้ามากขึ้น โดยเหรียญ JFIN  คือโทเคนดิจิทัลที่พัฒนาโดยบริษัทในกลุ่ม Jaymart ด้วยความร่วมมือกันของ 3 ทหารเสืออย่าง Jaymart, JFintech และ J Ventures ซึ่ง JFIN มีลักษณะเป็น Utility Token ที่ผู้ถือเหรียญสามารถใช้เข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของ Jaymart ได้อย่างสะดวกง่ายดาย

สำหรับจุดกำเนิดของเหรียญ JFIN มาจากการระดมทุนด้วยวิธี Initial Coin Offering (ICO) ที่เป็นการเสนอขายโทเค็นดิจิทัลต่อสาธารณชน นอกจากนี้ JFIN ที่เป็น Uitility Token หรือ โทเค็นดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ ยังเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศของ J Venture และใช้ Blockchain ทั้ง 3 แพลตฟอร์มต่อไปนี้เพื่อทำการซื้อ ขาย หรือเก็บเหรียญเอาไว้

1.เครือข่าย Ethereum (ERC-20) ใช้สำหรับการซื้อขายเหรียญ JFIN บนกระดานเทรดคริปโตฯ ของ Bitkub Exchange 2.เครือข่าย Stellar ใช้สำหรับการเก็บและโอนเหรียญ JFIN ผ่านแอปพลิเคชัน JID ที่เป็นกระเป๋าเก็บเหรียญนี้โดยเฉพาะ 3.เครือข่าย BNB Chain ใช้สำหรับการใช้งาน JREPO ที่เป็น Decentralized Finance เพื่อฝากหรือกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัล

ส่วน 5 เรื่องน่ารู้ของเหรียญ JFIN คือ 1.เหรียญ JFIN มี Max Supply ทั้งหมดที่ 300 ล้านเหรียญ 2.เหรียญ JFIN ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 2,687 บนเว็บไซต์ติดตามราคาสินทรัพย์ดิจิทัลชื่อดังอย่าง CoinMarketCap (ข้อมูล ณ วันที่ 12 ม.ค. 2566) 3.เหรียญ JFIN เคยมีปริมาณการซื้อขายสูงสุดทั่วโลกภายใน 24 ชั่วโมง สูงถึง 93 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3.35 พันล้านบาท เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564

4.เหรียญ JFIN เคยพุ่งทำสถิติ All-Time High สูงสุดที่ 248 บาท บนกระดานเทรดคริปโทฯ ของ Bitkub Exchange 5.JFIN Chain คือบล็อกเชนที่ Jaymart ผู้พัฒนาเหรียญ JFIN สร้างขึ้น โดยสามารถเข้าใช้งานได้หลากหลายช่องทาง เช่น การโอนเหรียญผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลของ Bitkub Exchange เป็นต้น

สำหรับจุดเด่นของเหรียญ JFIN ที่คุณไม่ควรมองข้าม คือ JFIN เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลของคนไทยที่พัฒนาขึ้นโดยมีพื้นฐานมาจากกิจกรรมที่พวกเราทุกคนทำกันอยู่ในทุกวัน เช่น ใช้เพื่อซื้อสินค้าและบริการ นำไปแลกเปลี่ยนเป็นคูปองหรือตั๋วเข้าสถานที่ต่างๆ รวมถึงสามารถนำ JFIN ไปฝากหรือค้ำประกันการกู้ในบล็อกเชนอย่าง JREPO ได้ด้วย นั่นหมายความว่ามูลค่าของเหรียญ JFIN ในอนาคตอาจจะมีการปรับราคาขึ้นตามอุปสงค์และอุปทานของตลาดจริงๆ ไม่ใช่แค่ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีเพียงอย่างเดียว ขณะเดียวกัน ก็ยังมีโปรเจกต์ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยเหล่านี้ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ควรจับตา! 

การเงิน ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP