23 พฤศจิกายน 2565 : นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Executive Chairman, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า “ปัจจุบัน มีหลายปัจจัยกระตุ้นให้การบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัวไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทั้งวิกฤตเงินเฟ้อ ความผันผวนของตลาดลงทุน ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ตลอดจนนโยบายการแลกเปลี่ยนข้อมูลภาษีระหว่าง สรรพากรไทยและรัฐบาลสหรัฐฯ (FATCA) รวมถึงรัฐบาลชาติอื่นๆ ภายใต้ความตกลง Common Reporting Standard หรือ CRS ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2566
ส่งผลให้ลูกค้ากลุ่มบุคคลสินทรัพย์สูงเกิดความตื่นตัวในการวางแผนทรัพย์สินครอบครัวและต้องการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับความเสี่ยงด้านภาษีมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ จำนวนสมาชิกในครอบครัวที่มีมากขึ้น จากเดิมที่เป็นการส่งต่อจากรุ่นที่ 1 ไปรุ่นที่ 2 ปัจจุบัน เป็นการส่งต่อจากรุ่นที่ 2 ไปรุ่นที่ 3 หรือจากรุ่นที่ 3 ไปรุ่นที่ 4 มีความซับซ้อนมากขึ้น ทำให้การส่งต่อทรัพย์สินมีขั้นตอนและรายละเอียดที่มากขึ้นไปด้วย
จากผลสำรวจโดย Lombard Odier พบว่ากว่า 52% ของเจ้าของธุรกิจครอบครัวไทยเริ่มกลับมาพิจารณาประเด็นเกี่ยวกับครอบครัว แต่มีเพียง 37% เท่านั้นที่เริ่มลงมือวางแผนแล้ว ช่องวางตรงนี้ทำให้บริการที่ปรึกษาด้านการบริหารทรัพย์สินครอบครัวมีโอกาสดูแลลูกค้าในเรื่องนี้ได้มากขึ้นและเป็นการขยายขอบเขตการให้บริการตอบโจทย์ลูกค้าให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นไปอีกด้วย”
พร้อมกันนี้ KBank Private Banking ยังได้ยกระดับ พร้อมเปิดตัวบริการใหม่ “สำนักงานครอบครัว” (Family Office) ภายใต้ “บริการที่ปรึกษาด้านการบริหารทรัพย์สินครอบครัว” (Family Wealth Planning Service) โดยขยายขอบเขตการให้บริการจากการให้คำปรึกษาเพื่อจัดตั้งและจัดระบบสำนักงานครอบครัว สู่ผู้ช่วยดำเนินการกิจธุระของครอบครัวที่เน้นลงมือปฏิบัติภายใต้กรอบการให้บริการครอบคลุมทั้งหมด 6 ด้าน อันได้แก่
(1) งานจดทะเบียนที่ดิน (2) งานเอกสารกฎหมาย (3) งานจดทะเบียนบริษัท (4) งานติดตามทวงถามหนี้ (5) งานติดตามทรัพย์ (6) บริการจัดเก็บเอกสารสำคัญ
3 จุดเด่นของบริการ “สำนักงานครอบครัว” (Family Office) มีดังนี้
การจัดการแบบองค์รวม : ด้วยบริการที่ครบวงจรทำให้ลูกค้าเข้าใจภาพรวมของแผนงานทั้งหมด ทราบความเคลื่อนไหวในการทำงานแต่ละขั้นตอนอย่างชัดเจน จึงสามารถกำหนดระยะเวลาในการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนได้แม่นยำ
ความสะดวกและความต่อเนื่อง: ลูกค้าสามารถใช้บริการสำนักงานครอบครัวดำเนินการตามแผนได้ทันที ทำให้การบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัวเป็นไปอย่างต่อเนื่องและสะดวกสบาย
ความเชื่อมั่น: ด้วยความร่วมมือจากสำนักงานกฎหมายแนวหน้าของประเทศ จึงมั่นใจได้ว่าบริการที่ลูกค้าจะได้รับนั้นจะมีมาตรฐานเดียวกับสำนักงานกฎหมายและสถาบันการเงินชั้นนำ
นายพีระพัฒน์ เหรียญประยูร Managing Director, Wealth Planning and Non Capital Market Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า “เดิมบริการสำนักงานครอบครัว (Family Office) จะให้คำแนะนำในการจัดตั้งและดำเนินการของสำนักงานครอบครัวสำหรับลูกค้าที่ประสงค์จะดำเนินการเอง
โดยภายหลังทางธนาคารได้เล็งเห็นความต้องการผู้ช่วยในการดำเนินการจัดการกิจธุระของครอบครัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องด้วยการจัดตั้งสำนักงานครอบครับนั้นมีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งไม่เหมาะกับลูกค้าที่มีครอบครัวขนาดเล็ก หรือลูกค้าที่มีเรื่องต้องจัดการทรัพย์สินครอบครัวเป็นครั้งคราว จึงได้ขยายขอบเขตในการให้บริการ ยกระดับสู่การเป็นผู้ช่วยในการดำเนินการเรื่องต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ตอบทุกโจทย์ความต้องการด้านทรัพย์สินครอบครัวได้อย่างครอบคลุมครบวงจร”
ปัจจุบันมีลูกค้าที่ไว้วางใจใช้บริการที่ปรึกษาด้านการบริหารทรัพย์สินครอบครัวกว่า 4,000 รายหรือประมาณ 790 ครอบครัวโดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ 10 และมีทรัพย์สินครอบครัวภายใต้การบริหารงานกว่า 180,000 ล้านบาท* โดยธนาคารตั้งเป้าว่าจะให้บริการลูกค้าให้ครอบคลุม 40% ของลูกค้าทั้งหมด* ภายในปี 2568 จากปัจจุบันที่ให้บริการลูกค้าแล้วประมาณ 36%