21 พฤศจิกายน 2565 : กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 35.75-36.50 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 35.76 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 35.53-36.01 โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 3 เดือน เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ยกเว้นเงินปอนด์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่รองประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)กล่าวว่าเฟดอาจจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในไม่ช้า
อย่างไรก็ดี ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ระบุว่าจำเป็นจะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปโดยการคาดการณ์แบบเข้มงวดบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับสูงกว่า 7% ในอนาคต และการที่อัตราเงินเฟ้อเดือนล่าสุดต่ำเกินคาดถือเป็นเพียงหลักฐานพียงชั่วคราวเท่านั้นที่แสดงว่าแรงกดดันเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง นอกจากนี้ ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ของสหรัฐฯยังออกมาสดใสเกินคาด ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 6,735 ล้านบาท และ 24,665 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับสถานการณ์ในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดจะให้ความสนใจกับรายงานประชุมเฟดเมื่อวันที่ 1-2 พ.ย. ก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้าซึ่งปริมาณธุรกรรมอาจซึมลง ทางด้านอังกฤษประกาศแผนงบประมาณขนาด 5.5 หมื่นล้านปอนด์ต่อปีเพื่อแก้ไขสถานะทางการเงินของรัฐบาลอังกฤษ
โดยแผนดังกล่าวรวมถึงการปรับขึ้นภาษีและการปรับลดงบรายจ่ายของรัฐบาลในอนาคต อนึ่ง เรามองว่าแผนรัดเข็มขัดทางการคลังที่ล่าช้าออกไปหลังการเลือกตั้งสร้างความไม่แน่นอนในทางปฎิบัติขณะที่อังกฤษเป็นเพียงประเทศเดียวในกลุ่มเศรษฐกิจอุตสาหกรรมชั้นนำที่ยังคงมีขนาดเศรษฐกิจต่ำกว่าในช่วงก่อนเกิดวิกฤติโรคระบาด ส่วนอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 41 ปีที่ 11.1% ในเดือนต.ค. ทั้งหมดนี้จะเป็นประเด็นกดดันค่าเงินปอนด์ในระยะข้างหน้า
สำหรับปัจจัยในประเทศ จีดีพีไตรมาส 3/2565 เติบโต 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามความคาดหมายของตลาด ขณะที่สภาพัฒน์คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 3.2% และ 3-4% ในปี 2565 และ 2566 ตามลำดับ ทางด้านธปท.ให้ความเห็นว่าจะไม่ดำเนินนโยบายการเงินที่สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด สนับสนุนมุมมองของเราที่ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะขึ้นดอกเบี้ย 25bp สู่ 1.25% ในการประชุมวันที่ 30 พ.ย. นี้ โดยธปท.ประเมินว่าเงินบาทในขณะนี้ยังอยู่ในระดับที่รับได้และยังไม่กระทบภาพรวมเศรษฐกิจ ขณะที่เราคาดว่ากระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายจะยังคงผันผวนต่อเนื่อง