กรุงเทพฯ 22 พฤศจิกายน 2559 : ทิพยประกันภัย ตั้งเป้าปี 2560 ขยายตัวประมาณ 5% เน้นขยายตลาดรายย่อย แบงก์แอสชัวรันส์ รวมถึงก้าวสู่เออีซี ตั้งเป้าเพิ่มเบี้ยประกันที่ประเทศลาว 300 ล้านบาท ผนึกพันธมิตร 3 แห่ง ปักหมุดขยายสู่ประเทศกัมพูชาร่วมด้วย
นายสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ ปรับกลยุทธ์มุ่งเน้นที่ลูกค้ารายย่อยมากขึ้น ซึ่งคาดว่าฐานลูกค้ารายย่อยจะเติบโตขึ้น 20% ในขณะที่ช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ยังเป็นช่องทางหลักในการขยายตัวของบริษัท โดยธนาคารที่เป็นพันธมิตร ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารทหารไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด และธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์
นอกจากนี้ จากสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ทำให้บริษัทฯ ปรับได้ลดเป้าหมายผลประกอบการลงเล็กน้อยเหลือ 22,000 ล้านบาท แบ่งเป็นช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ 6,000 ล้านบาท โครงการขนาดใหญ่ 7-8,000 ล้านบาท ที่เหลือมาจากช่องทาง ตัวแทน นายหน้า และสาขา จากเป้าหมายเบี้ยประกันเดิมที่ตั้งไว้ 23,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการแข่งขันในตลาดประกันวินาศภัยที่มีสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในด้านราคา และผลิตภัณฑ์ ถึงแม้ว่าบริษัทจะยังรักษาฐานลูกค้ารายใหญ่ไว้ได้พอสมควร แต่เบี้ยก็ลดลงตามภาวะการแข่งขัน บริษัทฯ จะไม่แข่งขันด้านราคา แต่จะหันมาปรับปรุงด้านการบริการ รวมถึงมาตรฐานอู่ในเครือให้ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น
สำหรับ เป้าหมายการดำเนินงานในปี 2560 ก็ยังพุ่งเป้าไปเน้นตลาดรายย่อย โดยเฉพาะใน 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.ประกันรถยนต์ 2.ประกันอุบัติเหตุ ประกันเดินทาง ประกันสุขภาพ และ 3.ประกันอัคคีภัย โดยคาดว่าจะมีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้น 5%
“แม้บริษัทจะรักษาฐานลูกค้ารายใหญ่ไว้ได้ แต่เบี้ยประกันในตลาดโลกลดลงตามภาวะของการแข่งขัน บริษัทจึงต้องหันมาพึ่งพิงลูกค้ารายย่อยมากขึ้น เพื่อชดเชยสัดส่วนเบี้ยประกันภัยรายใหญ่ที่ลดลงไปกว่า 2,000 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าบริษัทจะไม่มีการเข้าไปแข่งขันด้วยการลดราคา แต่จะเน้นไปที่การปรับปรุงสินค้า ผลิตภัณฑ์ และการบริการที่ดีขึ้น”นายสมพร กล่าว
ปัจจุบันสินทรัพย์ลงทุน (พอร์ต) ของบริษัทอยู่ที่ 18,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินฝาก 40%, หุ้น 15% และที่เหลือเป็นตราสารประเภทต่างๆ 45% ซึ่งในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรจากการลงทุน 274.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 150.16 ล้านบาท หรือ 120.68%
นายสมพร กล่าวต่อว่า กำไรจากพอร์ตลงทุนในไตรมาส 3 มาจากการขายหลักทรัพย์บางตัว เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนในช่วงที่เหลือของปี ขณะเดียวกันก็เป็นหลักทรัพย์ที่ทำกำไรให้บริษัทแล้วพอสมควร ดังนั้น บริษัทจึงเลือกที่จะขายออกไป แล้วถือเงินสดมากขึ้น เพื่อรอจังหวะเข้าไปซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดี และสามารถสร้างกำไรจากการลงทุนให้บริษัทได้
นอกจากนี้ การขยายตัวในตลาดอาเซี่ยน บริษัทฯ เริ่มเปิดตลาดในประเทศลาว 2 ปีเต็ม ซึ่งเริ่มต้นเน้นการรับรู้ของผู้บริโภค โดยมีการจัดกิจกรรมให้ความรู้ โดยเฉพาะการประกันภัยรถยนต์ ซึ่งตั้งเป้าขยายเบี้ยประกัน 200 ล้านบาท แต่คาดว่าจะปิดตัวเลขได้ 150 ล้านบาท เนื่องจาก ตลาดมีขนาดเล็กประชากรประเทศลาวมีเพียง 6 ล้านคน ซึ่งเบี้ยประกันทั้งประเทศมีเพียง 60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 1,800 ล้านบาท ดังนั้น เป้าหมายตลาดประเทศลาวในปี 2560 คาดว่าจะมีเบี้ยประกันรับที่ 300 ล้านบาท มาจากตลาดประกันรถยนต์ 50% และ Non-Motor เช่น ประกันการก่อสร้าง 50%
“ตลาดประเทศลาวถือว่าเป็นตลาดใหม่ของบริษัทฯ โดยกลยุทธ์การขยายงานนั้นต้องติดต่อบริษัทขายรถยนต์ที่ลาวให้ช่วยส่งงานให้ รวมถึงการเป็นพันธมิตรกับบริษัทไฟแนนซ์ ที่เริ่มเข้าไปทำตลาดในประเทศลาวร่วมด้วย รวมถึง ทิพยประกันภัยถือเป็นบริษัทแรกที่นำระบบสำรวจภัยเข้าไปใช้ มีการกำหนดว่าจะไปถึงที่เกิดเหตุในกี่นาที จากเดิมในประเทศลาวยังไม่มีระบบนี้ใช้ เมื่อลูกค้าเริ่มเห็นก็ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี”นายสมพร กล่าว
ปัจจุบัน กำลังเจรจากับประเทศกัมพูชา โดยร่วมกับพันธมิตรหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มทิพยประกันชีวิต กลุ่ม อาคเนย์ และพานิชชีวะ เพื่อขยายไปเปิดตลาดประกันเพิ่มขึ้น โดยเน้นการประกันภัยบนแผ่นดินใหญ่ ขณะที่การรวมพันธมิตรไปขยายตลาดนั้น ข้อดีถือว่าเป็นการสร้างความได้เปรียบทางด้านการรับงาน และส่งประกันต่อหรือรีอินชัวรันส์ระหว่างบริษัทในกลุ่มร่วมด้วย