10 ตุลาคม 2565 : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ร่วมประชุมหารือการแก้ไขปัญหาหลอกลวงการลงทุนผ่านโซเชียลมีเดีย ตั้งคณะทำงานร่วมกันในการติดตามและวางแนวทางป้องกันและปราบปราม พร้อมแนะนำประชาชนตรวจสอบรายชื่อบุคคลที่แนะนำการลงทุน ผู้ประกอบธุรกิจ หรือหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ก่อนการลงทุนทุกครั้ง โดยตรวจสอบได้ที่แอปพลิเคชัน SEC Check First
นายชัยวุฒิ ธนาคมนุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า ทางกระทรวงฯ ได้หารือร่วมกับ ก.ล.ต. เพื่อแก้ไขปัญหาหลอกลวงการลงทุนออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดีย รวมทั้งการระดมทุนที่ผิดกฎหมาย เช่น การให้บริการชักชวนคนมาลงทุน ขายหลักทรัพย์ โดยทางกระทรวงดิจิทัลจะจัดตั้งคณะทํางานร่วมกับทาง ก.ล.ต ในการติดตาม Facebook account หรือ เว็บไซต์ต่างๆ เพื่อวางแนวทางป้องกันปราบปรามปิดกั้นเว็บไซต์ที่หลอกลวงการลงทุนในช่องทางต่างๆที่ไม่ได้รับการอนุญาติจาก ก.ล.ต. หากพบจะถูกดําเนินคดีปิดกั้น Account หรือเว็บไซต์โดยทันที เพื่อลดผลกระทบความเสียหายของประชาชน
นายชัยวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ดีอีเอส ขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนก่อนที่จะลงทุนขอให้ตรวจสอบที่มาของบริการหรือผลิตภัณฑ์การเงินต่างๆ ก่อน เพราะอาจเจอผู้ให้บริการที่ไม่ได้รับอนุญาติ ผิดกฎหมาย และอาจถูกหลอกลวง ฉ้อโกงให้เกิดความเสียหายได้ โดยความผิดฐานเสนอขายหลักทรัพย์โดยไม่ได้รับอนุญาต พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ มาตรา 268 มีโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองเท่าของราคาขายของหลักทรัพย์นั้นทั้งหมด แต่ทั้งนี้ เงินค่าปรับต้องไม่น้อยกว่าห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนความผิดฐานประกอบธุรกิจหลักทรัพย์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต มาตรา 289 จำคุกตั้งแต่สองปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงห้าแสนบาท และปรับไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาท
ทั้งนี้ สามารถแจ้งข้อมูลได้ผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้ โทร.1212 OCC ศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ในสังกัดดีอีเอส เพจอาสาจับตาออนไลน์ https://m.facebook.com/DESMonitor แจ้งความออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านเว็บไซต์ https://thaipoliceonline.com
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ก.ล.ต. พร้อมให้ความร่วมมือกับดีอีเอสเพื่อป้องกันและลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อประชาชนในวงกว้าง ตามที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบนโยบายให้ ก.ล.ต. บูรณาการกับดีอีเอสและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีที่มีการเผยแพร่ข้อความโฆษณาชวนเชื่อและชักชวนให้ประชาชนลงทุนในลักษณะแชร์ลูกโซ่ หลอกลวงผ่านช่องทางออนไลน์ และสื่อสังคมออนไลน์ (โซเชียลมีเดีย) กรณีที่ ก.ล.ต. ตรวจพบหรือได้รับแจ้งเบาะแสดังกล่าว ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและอาจก่อให้เกิดความเสียหายกับประชาชน
ก.ล.ต. จะตรวจสอบข้อเท็จจริงและแจ้งเตือนไว้บนเว็บไซต์ ก.ล.ต. เพื่อให้ประชาชนระมัดระวัง พร้อมรวบรวมเอกสารหลักฐานและนำส่งให้กับดีอีเอสเพื่อดำเนินการต่อไป และในกรณีที่ ก.ล.ต. ตรวจพบว่ามีการกระทำอันอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมายภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ผู้กระทำผิดอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับ