11 สิงหาคม 2565 : นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) (TQR) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในครึ่งหลังของปี 2565 บริษัทฯ ยังเดินหน้าพัฒนาประกันภัยในรูปแบบใหม่ๆ ร่วมกับบริษัทประกันภัย ทั้ง การประกันสุขภาพ การประกันภัยไซเบอร์ การประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่างๆ ประกันภัยพืชผลทางการเกษตร การประกันภัยสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการประกันที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเลือกรูปแบบใหม่ และการประกันที่เกี่ยวข้องกับกระแสของ Environmental, Social and Governance: ESG
“ในครึ่งปีหลังของปีนี้ บริษัทฯ ประเมินว่า ธุรกิจประกันภัยและประกันภัยต่อ ยังมีทิศทางที่ดี เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสำคัญในการทำประกันภัยและมองว่าการประกันภัยเป็นเรื่องจำเป็นและเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงโดยเฉพาะความเสี่ยงรูปแบบใหม่ เช่น ประกันด้านสุขภาพ การประกันชีวิต รวมทั้งองค์กรต่างๆ ก็ให้ความสำคัญในการทำประกันภัยไซเบอร์ เนื่องจากมีการเปลี่ยนรูปแบบการทำงานอยู่ที่บ้าน (Work From Home) ภายหลังที่มีการแพร่ระบาดของโควิด 19 ติดต่อกันมาเป็นระยะยาวกว่า 2 ปี ส่งผลให้บริษัทประกันภัยต่างๆ ต้องมีการบริหารจัดการความเสี่ยง ด้วยการทำประกันภัยต่อเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ประกอบกับ บริษัทฯ มีการคิดค้น พัฒนา ประกันภัยรูปแบบใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง” นายชนะพันธุ์กล่าว
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ มีการพัฒนาระบบ Reinsurance Brokerage Platform ซึ่งเป็นระบบที่รองรับการบริหารจัดการข้อมูลของสัญญาประกันภัยต่อแบบสัญญา (Treaty Reinsurance) โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและครบวงจร เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจประกันภัยของประเทศไทยในอนาคต ซึ่งมีโอกาสเติบโตอีกมาก มั่นใจว่า จะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนให้ผลงานเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
นางยุพเรศ พิริยะพันธุ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) (TQR) กล่าวว่า ในส่วนของ บริษัท อาร์สแควร์ จำกัด บริษัทร่วมทุน ซึ่งเป็นธุรกิจให้บริการ (Service) ล่าสุด ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) การใช้ระบบการเรียนการสอนออนไลน์ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ กับ บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการ จำนวน 3 ราย และยังมีลูกค้าที่ให้ความสนใจอีกหลายราย
โดยตั้งเป้าหมายการมีลูกค้า 6-8 รายภายในปีนี้ รวมถึง บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย ขณะนี้ อยู่ระหว่างการศึกษาหลายโครงการ โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีนี้ และสามารถรับรู้รายได้อย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 6/2565 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 32,200,000 บาท และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date)ในวันที่ 24 สิงหาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 9 กันยายน 2565
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2565) บริษัทฯ มีรายได้รวม 121.40 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 51.47 ล้านบาท ขณะที่ ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของปี 2565 มีรายได้รวม 65.50 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 26.88 ล้านบาท