WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันเสาร์ ที่ 23 พฤศจิกายน 2567 ติดต่อเรา
เปิดทริคลงทุนทำพอร์ตให้ “ปัง”

8 สิงหาคม 2565 : ด้วยภาวะสงครามย่อมส่งผลต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่จะทำอย่างไรในเวลานี้ที่จะจัดพอร์ตการลงทุนให้ปัง! งานนี้มีทริคเด็ดจากผู้เชี่ยวชาญการลงทุนอย่าง นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด แนะนำว่า หุ้นจีน เวียดนาม และญี่ปุ่น คือ ดาวเด่นแห่งจักรวาลนี้

โดยมองว่า แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มชะลอตัวและอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย(Recession) และนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอื่นๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ตลาดหุ้นเอเชียมีความผันผวนน้อยกว่า และยังโดดเด่นในสายตานักลงทุน เริ่มเห็นสัญญาณที่เม็ดเงินลงทุนได้ไหลเข้ามาลงทุน อย่างคึกคักมากขึ้น นำโดย จีน เวียดนาม และญี่ปุ่น เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนของตลาดหุ้นฝั่งตะวันตก ที่เผชิญความไม่แน่นอนเศรษฐกิจและแนวโน้มการเกิดRecession

นายตราวุทธิ์ กล่าวอีกว่า ตลาดหุ้นจีนเผชิญแรงกดดันต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2564 ราคาหุ้นปรับลดลงมา จนค่อนข้างถูกมากในปี 2565 เพราะหุ้นจีนรับรู้ข่าวเชิงลบมานานกว่า 1 ปี มองว่าราคาหุ้นและETFที่เกี่ยวข้องกับหุ้นจีนในปีนี้ มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นได้ ขณะที่ตลาดหุ้นเวียดนามทำผลงานโดดเด่นมากในช่วงปี 2563-2564 ดัชนี VNI ทำนิวไฮติดต่อกัน 4 ครั้ง จึงมีโอกาสที่ตลาดหุ้นเวียดนามปรับฐานได้ในปี 2565 โดยเฉพาะราคาหุ้นที่ค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับในอดีต จึงเป็นโอกาสดีในการลงทุนในสินทรัพย์อย่างหุ้นเวียดนาม

ส่วนตลาดหุ้นที่มีโอกาสในสร้างกำไร คือ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่มีโอกาสเติบโตโดดเด่น จากคุณภาพของกิจการ ดังนั้น นักลงทุนไม่ควรพลาด ด้วยนโยบาย Abenomics ของอดีตนายกรัฐมนตรี Shinzo Abe ผู้ล่วงลับ ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งการบริโภคในประเทศและการท่องเที่ยว

ขณะที่ทาง “ณพวีร์ พุกกะมาน” นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS) สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาราคาตลาดหุ้นและทองคำได้ปรับตัวลงมาตอบรับกับการตัดสินใจของ FED ล่วงหน้าไปพอสมควร เช่นเดียวกัน ตลาดไม่มีการตอบสนองเชิงลบต่อการประกาศตัวเลขจีดีพีของสหรัฐฯ ที่ออกมาติดลบ 0.9% ซึ่งผิดจากที่ประเมินว่าจะเติบโต 0.5% ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค สะท้อนว่าตลาดได้คาดการณ์ล่วงหน้าแล้วว่าในที่สุดเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต้องเข้าสู่ภาวะถดถอย หรือ Recession ค่อนข้างแน่นอน

ทิศทางการลงทุนในไตรมาสสามของปีนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าตลาดจะเริ่มปรับธีมการลงทุนจากเดิมที่จะต้องจับตานโยบายการเงินของ FED เปลี่ยนมาเป็นจับตาภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ว่าจะหลุดออกจาก Recession ได้หรือไม่ ถ้าหากการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ยังเป็นไปตามแผนที่ประกาศออกมาก่อนหน้านี้ ก็จะไม่มีปัจจัยลบใหม่ออกมาเซอร์ไพรส์ตลาดอีก

อย่างไรก็ดี ตลาดยังต้องจับตาการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคม ที่จะประกาศผลในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ หากตัวเลขเริ่มคงที่และไม่ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีและส่งผลบวกต่อราคาทองคำและบิทคอยน์ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่เคลื่อนไหวผันแปรกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ในทางตรงกันข้าม หากตัวเลขเงินเฟ้อยังคงปรับตัวสูงขึ้น ราคาทองคำและบิทคอยน์ อาจจะทรงตัว หรือ ปรับตัวลงเล็กน้อย เพราะอาจจะเกิดคาดการณ์ใหม่ว่า FED จะต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าเดิมในการประชุมครั้งถัดไป

นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มแวลู หรือ Defensive Play อาทิ หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค เฮลธ์แคร์ และอาหาร น่าจะเป็นอีกหนึ่งในสินทรัพย์ที่สามารถต้านทานกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ เพราะแม้ว่าเศรษฐกิจจะถดถอยแต่ความต้องการใช้สินค้าเหล่านี้ยังคงมีอยู่เช่นเดิม สำหรับตลาดหุ้นไทยมองว่ากลุ่มโรงพยาบาล น่าจะเข้าเกณฑ์ของหุ้นกลุ่ม Defensive Play มากที่สุดจากแนวโน้มผลประกอบการที่สามารถเติบโตได้แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัว ยังต้องจับตาดูว่าจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่ ส่วนสินทรัพย์ที่ต้องหลีกเลี่ยงหากเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย คือกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะกลุ่มแร่โลหะ 

การเงิน ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP