WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันจันทร์ ที่ 21 ตุลาคม 2567 ติดต่อเรา
ทิพยประกันภัย เชื่อมโยงกิจกรรมพัฒนาสังคม ด้วย “พลังบวร” บ้าน – วัด – โรงเรียน ในกิจกรรม “ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 17 ”

จ.ชลบุรี, 31 พฤษภาคม 2565 : บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) นำคณะครู อาจารย์ที่ได้รับการคัดเลือกจากทั่วประเทศ
ลงพื้นที่ทำกิจกรรม ณ โครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณรอบวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร อันเนื่องมาจากพระราชดำริและโครงการป่าสิริเจริญวรรษ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.ชลบุรี ทำกิจกรรมการพัฒนาสังคมแบบองค์รวมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ถอดรหัสพระอัจฉริยภาพของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ในการทรงงานพัฒนาชุมชน ด้วย “พลังบวร” บ้าน – วัด – โรงเรียน เน้นการพัฒนาแบบมีส่วนร่วม
เพื่อช่วยกันต่อยอดนำความรู้ไปพัฒนาชุมชนให้มีความแข็งแรงอย่างยั่งยืน ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม หลังวิกฤติโควิด – 19

โครงการนี้ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด สำนักโครงการและจัดการความรู้ (OKMD) กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ มูลนิธิธรรมดี สมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย ร่วมจัดโครงการ “ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอดนวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 17 ” สำหรับครู อาจารย์ ที่ได้รับการคัดเลือกจากทั่วประเทศ ซึ่งจัดมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 เพื่อสนองตามพระปฐมบรมราชโองการ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “เราจะสืบสาน รักษา ต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”

นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โลกหลังโควิด 19 ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ผลกระทบและความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ทำให้ทุกคนต้องปรับตัวเพื่อฟื้นฟู ตนเอง และสังคมให้มีความแข็งแรงมั่นคงกลับสู่สมดุลและช่วยกันสร้างเศรษฐกิจให้เติบโตเหมือนเดิมนับเป็นความโชคดีของคนไทย ที่เรามี “พลัง บ-ว-ร” บ้าน วัด โรงเรียน บทบาทหน้าที่ของ 3 สถาบันหลักที่เป็นกลไกการขับเคลื่อนเพื่อการพัฒนาโดยภูมิปัญญาของคนไทย ที่มีความสอดคล้องเกี่ยวโยงกันทั้งด้านชุมชนวัฒนธรรม ประเพณี การศึกษา สิ่งแวดล้อม

ซึ่งทิพยประกันภัย ห่วงใยทุกชีวิตในสังคม กับโครงการทิพยทำความดีไม่มีสิ้นสุด ได้ดำเนินกิจกรรมช่วยเหลือสังคมมาอย่างต่อเนื่องด้วยการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตามรอยของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๙ จะช่วยสร้างพื้นฐานการดำรงชีวิตให้เกิดความมั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืนได้”

ครู อาจารย์ ที่เข้าร่วม กิจกรรม ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 17 จะได้ร่วมทำกิจกรรมการพัฒนาชุมชนแบบองค์รวม ที่ให้ความสำคัญในความเชื่อมโยงของ ชุมชน วัฒนธรรม ประเพณีการศึกษา และสิ่งแวดล้อม อาทิ การทำกิจกรรม ณ วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหารพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดวรมหาวิหาร สร้างโดยสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 ที่มีพระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์เป็นการสร้างน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและราชวงศ์จักรีและพระพุทธปฏิมาประธานประจำอุโบสถ ได้รับการถวายพระนามว่า "สมเด็จพระพุทธญาณนเรศวร์" สร้างน้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

แสดงถึงความผูกพันอย่างแน่นแฟ้นระหว่างสถาบันพระพุทธศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่สืบเนื่องยาวนานนับพันปี วัดนี้อยู่ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายกและได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระกรุณานานัปการจากองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่ได้ทรงอุปถัมภ์ในการก่อสร้างตลอดมาและทรงรับเป็นวัดในพระบรมราชูปถัมภ์เป็นวัดในพระองค์อีกด้วย

นอกจากนี้ มีการทำกิจกรรม ณ โครงการป่าสิริเจริญวรรษอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง และการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ อาทิ การปั้นและโยน EM Ball เพื่อบำบัดรักษาแหล่งน้ำให้มีความสมบูรณ์ต่อการเจริญเติบโตของพืชและสัตว์น้ำ การสร้างฝายชะลอและเก็บกักน้ำ เพื่อประโยชน์ในการทำการเกษตรและชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนรอบๆโครงการและใกล้เคียง

การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนเป็นพลังที่แข็งแรง เป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาที่สำคัญของประเทศ “พลังบวร”จึงเป็นหลักที่สอนให้คนรักษาความสมดุลของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมส่งผลให้เกิดการพึ่งพาตนเองช่วยสังคมและกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่สำคัญ ช่วยให้คนไทยได้ตระหนักถึงคุณค่าและมีความภาคภูมิใจในความเป็นไท มีความมั่นคงในวัฒนธรรมที่มีวิวัฒนาการต่อเนื่องยาวนาน โดยมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมใจการสืบสานความเป็นไท

ทั้งนี้ รศ. น.พ. สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) กล่าวเสริมว่า โครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณรอบวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร อันเนื่องมาจากพระราชดำริและโครงการป่าสิริเจริญวรรษ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.ชลบุรี เป็นหนึ่งในโครงการที่ได้ถูกคัดเลือกอยู่ในหนังสือเดินทางตามรอยพระราชา ที่ศูนย์คุณธรรม ร่วมกับองค์กรภาคี ได้จัดทำขึ้น เป็นการสรุป 9 เส้นทาง 81 แหล่งเรียนรู้ศาสตร์พระราชา สำหรับเด็กเยาวชนและผู้ที่สนใจได้นำไปศึกษาให้เกิดประโยชน์จากการเรียนรู้พร้อมทั้งสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ดังที่ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ได้กล่าวไว้ว่า“หากเยาวชนได้เรียนรู้ศาสตร์ของพระราชา พระองค์จะทรงอยู่ในหัวใจของพวกเราตลอดไป”

ด้าน ดร. ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานมูลนิธิธรรมดี กล่าวว่า “ความไม่เหมือนเดิมของโลกใบนี้ได้ช่วยตอกย้ำให้เราทุกคนได้ตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ทรงพระราชกรณีกิจนานับปการเพื่อให้ราษฎรได้มีความเป็นอยู่อย่างผาสุก ดังนั้น การได้มาศึกษาลงพื้นที่เพื่อสร้างประสบการณ์ การปลูกป่าในใจคนและน้อมนำเอาศาสตร์พระราชา ไปปรับใช้กับการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปจะเป็นภูมิคุ้มกันให้เราทุกคนสามารถอยู่รอดได้ในทุกสถานการณ์วิกฤติ และเติบโตได้ในระยะยาวอย่างยั่งยืนพร้อมทั้งเป็นการสนองตามพระปฐมบรมราชโองการของในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ “เราจะสืบสาน รักษา ต่อยอดและครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”

พร้อมทิ้งท้ายว่า เราหลงลืมอะไรไปหรือเปล่า เราลืมไปแล้วว่า คนไทยโชคดีแค่ไหน ที่มีพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ และทรงรักคนไทยมากที่สุด ดร.ดนัยสรุป

นอกจากการลงพื้นที่ร่วมกันทำกิจกรรมตามฐานต่างๆ แล้ว คณะครู อาจารย์ ยังเข้าร่วมการถอดบทเรียน โดยอาจารย์อดุลย์ ดาราธรรม นายกสมาคมนักเรียนเก่า AFSประเทศไทย ให้เกียรติเป็นวิทยากร จัดกิจกรรม Interactive Board Workshop ตามรอยนวัตกรรมศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนระดับสากล และ “The King's Journey: Learn English an Example of an Invention” ซึ่งคณะครูอาจารย์สามารถนำนวัตกรรมการเรียนรู้ไปต่อยอดการเรียนการสอนสำหรับเยาวชนต่อไป 

ไลฟสไตล์ ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP