18 พฤษภาคม 2565 : บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ออกแถลงการยืนยัน เจตนารมณ์เดินหน้าธุรกิจต่อ ไม่ทิ้งความรับผิดชอบด้วยวิธีปิดกิจการ ย้ำการยื่นฟื้นฟูกิจการคือทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้ เพราะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายอย่างแท้จริง และนักลงทุนยังแสดงความสนใจที่จะลงทุน หากบริษัทฯ สามารถเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ เนื่องจากปัญหาสินไหมโควิด เจอ จ่าย จบ จะได้รับการแก้ไข้ นอกจากนี้ ธุรกิจหลักประกันภัยรถยนต์และนอน มอเตอร์(Non Motor) ยังมีศักยภาพ ผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องมาโดยตลอดและการชดใช้สินไหมประเภทอื่นยังสามารถดำเนินไปได้ตามปกติ
ุ
คำแถลงการณกการยื่นค้าร้องขอฟื้นฟูกิจการ ของบมจ. สินมั่นคงประกันภัย
ตามที่สำนักงาน คปภ. ได้ออกประกาศหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขการขอความยินยอมในการฟื้นฟูกิจการของ บริษัทประกันวินาศภัยพ.ศ. 2565 เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2565 ซึ่งกำหนดรายละเอียดในกรณีการขออนุญาตยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทประกันวินาศภัย บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้พิจารณาข้อดีข้อเสียและความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจต่อไป เพื่อดูแลผู้เอาประกันภัยและลูกค้าอย่างเต็มความสามารถ บริษัทฯ จึงได้ยื่นค้าขอความยินยอมในการฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ ต่อสำนักงาน คปภ. ในวันที่ 25 เมษายน 2565
ต่อมา ภายหลังจากที่สำนักงาน คปภ. ได้พิจารณาคำขอดังกล่าวแล้ว เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2565 สำนักงาน คปภ. จึงได้ยินยอมให้ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ยื่นค้าร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลได้โดยบริษัทฯ ต้องยื่นค้าร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลภายใน 5 วันทำการนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้ดำเนินการยื่นค้าร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาล เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2565
เหตุและความจำเป็นในการยื่นฟื้นฟูกิจการ
ในปี 2564 บริษัทฯ ได้รับประกันภัย Covid -19 แบบเจอ จ่าย จบ และแบบ 2 in 1 รวมประมาณ 2 ล้านกรมธรรม์ โดยมีเบี้ยรับจากประกันภัยรวมจำนวน 661 ล้านบาท ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ใช้ความพยายามอย่างเต็ม ความสามารถในการดูแลผู้เอาประกันภัยและจ่ายสินไหมโควิดให้กับผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อ Covid-19 ไปแล้วเป็นเงินจำนวน 11,875 ล้านบาท โดยได้นำเงินจากกำไรสะสมทั้งหมดมาจ่ายชำระสินไหม Covid-19 อยางไรก็ตาม จากการระบาดของ Covid -19 ในวงกว้างและการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอนที่แพร่กระจายได้ง่ายและรวดเร็ว แต่อาการไม่รุนแรงหรือไม่มีอาการ
ส่งผลให้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 เป็นต้นมา มีจำนวนผู้เอาประกันมายื่นเคลมสินไหมโควิดเป็นจำนวนมาก ทำให้มีจำนวนเคลมสินไหม Covid-19 คงค้างอีกประมาณ 350,000 รายการคิดเป็นค่าสินไหมประมาณ 30,000 ล้านบาท เมื่อนับรวมสินไหม Covid-19 ที่จ่ายไปแล้วทั้งหมดจะเท่ากับ 41,875 ล้านบาท คิดเป็นการจ่ายสินไหมที่สูงถึง 63 เท่าของเบี้ยประกนภัยรับ หรือ 6,300% และสูงกว่าการจ่ายสินไหมประเภทอื่นๆ ที่ไม่ใช่ Covid-19 ถึงเกือบ 100 เท่า
โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ใช้ความพยายามอยางเต็มที่ในการแก้ไขภาระค่าสินไหม Covid-19 ที่มีจำนวนมากโดยการสรรหานักลงทุน เพื่อเพิ่มความสามารถทางการเงินในการชำระค่าสินไหม Covid-19 ซึ่งแม้ว่าจะมีนักลงทุนให้ความสนใจในธุรกิจหลักของบริษัทฯ เนื่องจากมีผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องมาโดยตลอดก็ตาม แต่สินไหม Covid-19 ที่ปัจจุบันสูงกว่า 41,875 ล้านบาท เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้นักลงทุนชะลอการตัดสินใจลงทุน
บริษัทฯ มุ่งมั่นและพยายามอย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหาและหาทางออกตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา โดยกระบวนการฟื้นฟูกิจการเป็นเพียงทางออกเดียวที่เหมาะสมที่สุดที่จะแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ได้ และจะเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง หากบริษัทฯไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ บริษัทฯ จะต้องถูกเพิกถอนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจประกันภัย และถูกปิดกิจการในท้ายที่สุด
ส่งผลให้สินไหม Covid-19 หลายหมื่นล้านบาท ต้องตกเป็นภาระแก่กองทุนประกนวินาศภัย อันจะเป็นการซ้ำเติมให้สถานการณ์ทางการเงินของกองทุนประกันวินาศภัยวิกฤตยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากในช่วงระยะเวลาหกเดือนที่ผ่านมากองทุนประกันวินาศภัยได้รับภาระให้ความช่วยเหลือเจ้าหนี้ของบริษัทประกันวินาศภัยที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยไปแล้วถึง 4 ราย ทำให้มีแนวโน้มสูงที่กองทุนประกันวินาศภัยจะขาดสภาพคล่อง จนไม่มีเงินเพียงพอที่จะชำระค่าสินไหมแทนบริษัทประกันวินาศภัยที่ต้องปิดกิจการซึ่ง ณ ปัจจุบันมียอดหนี้สูงกว่าสองหมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ผู้เอาประกันของบริษัทฯ จำนวนกว่า 2.5 ล้านฉบับ จะได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการของบริษัทฯ รวมถึงพนักงานเกือบ 2,000 คน และคู่ค้าต่างๆ จะไม่ได้รับชำระหนี้และสูญเสียรายได้ ทางบริษัทฯจึง มีความจำเป็นต้องยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 เพื่อให้บริษัทฯ ยังสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปอยางต่อเนื่องและปรับโครงสร้างการชำระหนี้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจ ให้แก่นักลงทุนและแก้ไขฐานะการเงิน ทั้งนี้ ความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ ในครั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเข้าใจและการให้ความร่วมมือของทุกฝ่าย
การดำเนินการระหว่างการฟื้นฟูกิจการ
บริษัทฯ ขอยืนยันว่าบริษัทฯ มีเจตนาที่ดีในการแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินไหม Covid-19 โดยการฟื้นฟูกิจการจะเปิดโอกาสให้บริษัทฯและผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อ Covid-19 ได้เจรจาร่วมกัน เพื่อหาแนวทางในการชำระหนี้ที่เหมาะสมให้กับผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อ Covid-19 และเป็นแนวทางที่ยอมรับได้ของทุกฝ่าย
กระบวนการฟื้นฟูกิจการจะคุ้มครองให้ผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อ Covid-19 ได้รับการชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการมากกว่ากรณีที่บริษัทฯ ต้องปิดกิจการอย่างแน่นอน และกระบวนการฟื้นฟูกิจการจะให้ความมั่นใจได้ว่าผู้เอาประกนภัยที่ติดเชื้อ Covid-19 จะได้รับชำระหนี้ค่าสินไหมทดแทนตามแผนฟื้นฟูกิจการที่ได้มีการยอมรับร่วมกัน โดยผู้เอาประกันภัยที่ ติดเชื้อ Covid-19 ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้จะมีโอกาสได้พิจารณาและลงมติเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูกิจการภายใต้กระบวนการฟื้นฟูกิจการ
สำหรับผู้เอาประกันภัยประเภทอื่นๆ เช่น ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจและภาคบังคับ ประกันอัคคีภัย ประกันภัยเบ็ดเตล็ดและประกันขนส่งทางทะเล บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบดูแลการรับประกันและจ่ายสินไหมสำหรับผู้เอาประกันดังกล่าวจนสิ้นสุดกรมธรรม์ บริษัทฯ ขอให้ความมั่นใจว่า บริษัทฯ จะยังคงให้ความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยตามปกติ และรักษาคุณภาพ ความสะดวกรวดเร็ว ในการให้บริการดังเดิม
โดยบริษัทฯ ขอเรียนว่าหากไม่นับรวมภาระหนี้ค่าสินไหม Covid-19 ที่จะต้องมีการปรับโครงสร้างการชำระหนี้ภายใต้กระบวนการฟื้นฟูกิจการนั้น บริษัทฯ ยังคงมีกระแสเงินสดเพียงพอที่จะดำเนินธุรกิจทางการค้าปกติและจะยังคงดูแลคู่ค้าต่าง ๆ ได้แก่อู่ซ่อมรถโรงพยาบาล ตัวแทน นายหน้า ตามการดำเนินธุรกิจการค้าตามปกติ
บริษัทฯ มีความมุ่งมันที่จะแก้ไขปัญหาภาระหนี้ค่าสินไหม Covid -19 ด้วยการฟื้นฟูกิจการ เพื่อประโยชน์สูงสุดของทุกฝ่าย บริษัทฯรู้สึกซาบซึ้งที่ทุกฝ่ายมีความเข้าใจและให้การสนับสนุนกิจการของบริษัทฯ มาโดยตลอดและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือเพื่อก้าวผ่านอุปสรรคครั้งใหญ่ของบริษัทฯ ในครั้งนี้และจะทำให้บริษัทฯ สามารถกลับมาประกอบการอย่างแข็งแกร่ง เพื่อให้บริการอย่างมีคุณภาพและส่งเสริมกิจกรรมด้านสังคมดังที่บริษัทฯได้ยึดมั่นตลอดมาได้ต่อไป
บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะสื่อสารกับท่านอยางสม่ำเสมอ เพื่อให้ท่านทราบถึงความคืบหน้าในการฟื้นฟูกิจการอย่างเปิดเผย โปร่งใส และตรงไปตรงมา บริษัทฯ จะประชาสัมพันธ์และสื่อสารให้ผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อ Covid-19 และผู้ที่เกี่ยวข้องต่างๆ ได้รับทราบถึงขั้นตอนในกระบวนการฟื้นฟูกิจการ รวมถึงสิทธิของบุคคลที่เกี่ยวข้องความคืบหน้าและข้อมูลอันสำคัญ ผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ เว็บไซต์: www.smk.co.th Line: @smkinsurance Facebook: www.facebook.com/smkinsurance สาขาของบริษัทฯ ทั่วประเทศ และหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ ต่อไป