WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันอาทิตย์ ที่ 24 พฤศจิกายน 2567 ติดต่อเรา
เอไอเอ ประเทศไทย เดินหน้าคงความเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับ 1 ของประเทศไทย วางหมุดหมายใหม่ ปี 2573 มีผู้ถือประกันทั่วเอเชีย 1,000 ล้านคน

25 มีนาคม 2565 : เอไอเอ ประเทศไทย ปักธงเดินหน้าคงความเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับ 1 ของประเทศไทย(1) ชูกลยุทธ์ ABCDE ขับเคลื่อนองค์กรเพื่อก้าวสู่โลกใหม่ มุ่งเตรียมพร้อมเป็น Digital Insurer แห่งแรกของประเทศ พร้อมประกาศผลประกอบการอันแข็งแกร่งของกลุ่มบริษัทเอไอเอและความสำเร็จของเอไอเอ ประเทศไทย ปี 2564 ที่คว้าส่วนแบ่งการตลาดยอดขายประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) และประกันสุขภาพสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขึ้นแท่นผู้นำบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทยที่พร้อมให้บริการและคำปรึกษาด้านการใช้ชีวิต เพื่อสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives ภายในงานแถลงข่าวออนไลน์ “Ask Kris?” ปีที่ 2 ในธีม “Your New Verse”

ผลประกอบการและความสำเร็จของเอไอเอ ประเทศไทย ปี 2564(2)

  • ส่วนแบ่งการตลาดเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ ร้อยละ 23 คิดเป็นมูลค่า 23,542 ล้านบาท
  • ส่วนแบ่งการตลาดเบี้ยประกันภัยรับรวม ร้อยละ 26 คิดเป็นมูลค่า 157,446 ล้านบาท
  • ส่วนแบ่งการตลาดยอดขายประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) ร้อยละ 40(3) คิดเป็นมูลค่า 4,740 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์
  • ส่วนแบ่งการตลาดยอดขายประกันกลุ่ม Employee Benefit (EB) ร้อยละ 18(3)

นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมา ถือเป็นอีกปีที่ท้าทายสำหรับธุรกิจวินาศภัยและประกันชีวิต แต่ในวิกฤติ เอไอเอ ประเทศไทย ได้มองเห็นโอกาสและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเป้าหมายที่ชัดเจนของเรา คือต้องการส่งมอบบริการและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ผ่านช่องทางที่หลากหลาย (Omni Channel) ของเอไอเอ ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมไม่ว่าจะจากช่องทางใด

ความสำเร็จของเอไอเอ ประเทศไทยในปี 2564 ท่ามกลางวิกฤติต่างๆ นั้น มาจาก 1.ความมุ่งมั่นตั้งใจของพนักงานทุกฝ่ายและตัวแทนประกันชีวิตทุกท่านที่ทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อช่วยให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives โดย เอไอเอเป็นบริษัทแรกที่มีแพล็ทฟอร์ม นำคะแนนที่ได้จากไวทาลิตี้ มาลดค่าเบี้ยประกันได้

2.การปรับเปลี่ยนรูปแบบสินค้าจากสะสมทรัพย์สู่กรมธรรม์ยูนิตลิงค์ เพื่อรองรับสถานณ์การอัตราดอกเบี้ยต่ำ จุดนี้เองที่ทำให้บริษัทฯ สร้างการเติบโตได้อย่างมากแทบเป็นสินค้าหลักเพียงแบบเดียวที่ไม่ติดลบ

3.วิกฤติโควิดทำให้มีผู้สนใจสินค้าประกันสุขภาพมากขึ้น จึงหันมาออกสินค้าใหม่ในราคาย่อมเยาว์ เพื่อคุ้มครองกลุ่มคนทำงานในปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าได้รับการตอบรับเติบโตอย่างมาก และ 

4.การขยายตัวของพันธมิตรผ่านธนาคารหลายแห่ง ทำให้ปีที่ผ่านมาเอไอเอสามารถสร้างการเติบโตและทำให้ขยับตำแหน่งของช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ จากเดิมที่อยู่อันดับ 6-7 ก้าวขึ้นมาติดท็อป 5 ได้สำเร็จ 

“สำหรับแนวโน้มของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 19 รวมถึงปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ทั้งจากการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัย ในขณะที่คนไทยยังไม่พร้อมเกษียณ โดยเอไอเอจะช่วยคนไทยวางแผนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ประกันสังคมที่ถูกปรับลดลง(4) เราจึงเน้นให้คนไทยเข้าถึงประกันสุขภาพได้อย่างทั่วถึงเพื่อช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาลส่วนเกิน ให้ผู้เอาประกันภัยอุ่นใจยิ่งขึ้น

อีกทั้ง อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น เอไอเอก็พร้อมนำเสนอโอกาสด้านอาชีพตัวแทน AIA Financial Advisor หรือ AIA Life Advisor ที่จะช่วยสร้างอนาคตที่มั่นคง และสร้างคุณค่าต่อตัวเองและผู้อื่น นอกจากนี้ เอไอเอ ยังสามารถคงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสในทุกมิติ ด้วยการพัฒนาระบบการทำงานและการบริการโดยใช้กลยุทธ์ ABCDE มาเป็นหลักปฏิบัติ เพื่อส่งมอบบริการและผลิตภัณฑ์ที่ช่วยวางแผนทางการเงินเพื่อสร้างความมั่งคั่งและมั่นคง พร้อมมอบความคุ้มครองด้านชีวิตและสุขภาพที่ครอบคลุมทุกช่วงชีวิตของคนไทย”

กลยุทธ์ ABCDE ที่จะผลักดันองค์กรให้ก้าวสู่ความเป็นหนึ่งได้อย่างยั่งยืน ประกอบไปด้วย

A – Agency Transformation การพัฒนาช่องทางตัวแทนประกันชีวิตให้ทันสมัย ผลักดันสู่การเป็น Digital Agent ในอนาคต ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้พัฒนาการบริการแก่ลูกค้า เช่น นวัตกรรม AIA iSign ที่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถทำประกันชีวิตได้แบบไม่ต้องพบหน้ากัน เพื่อลดความเสี่ยงจากการเดินทางและลดการสัมผัส อีกทั้งยังช่วยให้ลูกค้าได้รับความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพแม้ในยามวิกฤติ

B – Business Partner Acceleration การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของช่องทางพันธมิตร เอไอเอมุ่งมั่นมองหาพันธมิตรใหม่ ๆ เพื่อสร้างอีโคซิสเทม (Ecosystem) ให้กับลูกค้าได้อย่างครบวงจร

C – Customer Centricity การมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง สำหรับการพัฒนาในทุก ๆ ก้าว เพื่อให้ตอบสนองความต้องการได้อย่างตรงจุด

D – Digitalisation Journey การวางเส้นทางไปสู่ยุคดิจิทัล กับการเป็น Digital Insurer โดยมุ่งเฟ้นหาและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อรองรับการหมุนไปอย่างรวดเร็วของโลกดิจิทัล

E – ESG (Environmental, Social and Governance) ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยผ่านกลยุทธ์ ESG ส่งเสริมสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม และธรรมาภิบาล รวมถึงพันธกิจใหม่ของกลุ่มบริษัทเอไอเอกับ AIA One Billion ที่มุ่งมั่นส่งเสริมให้คนทั่วเอเชียกว่า 1,000 ล้านคน มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นภายในปี 2030 หรือ ปี 2573 

อนาคต เอไอเอ สู่การเป็น Digital Insurer

เอไอเอเริ่มและวางรากฐานเพื่อมุ่งสู่การเป็น Digital Insurer มาอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับตัวให้ทันยุคสมัย รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งเราใช้ TDA Strategy (Technology, Digital and Analytics) ในการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึก (Insight) และความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า รวมถึงการปรับใช้ภายในองค์กรเพื่อตอบสนองความต้องการของพนักงาน และตัวแทนประกันชีวิต ซึ่งได้ถูกพัฒนาขึ้นเป็นระบบการทำงานภายในและบริการดิจิทัลต่าง ๆ เช่น

AIA iSign นวัตกรรมแรกที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับตัวแทนประกันชีวิตในการบริการลูกค้า ตอบโจทย์การซื้อประกันทุกรูปแบบได้โดยไม่ต้องพบหน้ากัน เพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มครองอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีตัวแทนประกันชีวิตใช้งาน AIA iSign แล้วกว่า 54.4% ของตัวแทนประกันชีวิตทั้งหมด (5)

ALive Powered by AIA แอปพลิเคชันผู้ช่วยส่วนตัวสำหรับทุกคนในครอบครัว ที่มอบความรู้และบริการด้านสุขภาพอย่างครบครัน ช่วยดูแลคนไทยทุกคน ไม่เฉพาะสำหรับลูกค้าเอไอเอเท่านั้น โดยปัจจุบันมีผู้ใช้งานแอปพลิเคชันนี้แล้วกว่า 436,000 ราย (6)

AIA iService แอปพลิเคชันที่ครอบคลุมทุกเรื่องกรมธรรม์ ที่ลูกค้าสามารถจัดการด้วยตัวเองได้แค่ปลายนิ้ว รวมถึงบริการ iClaim ที่อำนวยความสะดวกให้ผู้เอาประกันภัยสามารถเรียกร้องสินไหมและตรวจสอบสถานะผ่านทางออนไลน์ได้ด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชันนี้ภายในปีนี้ เราจะสร้างประสบการณ์ในโลกดิจิทัลแบบไร้รอยต่อกับแอปพลิเคชันใหม่จากเอไอเอที่ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการ

ล่าสุดได้ร่วมมือกับสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ ผ่านโครงการ AIA x RISE Accelerator ซึ่งเป็นอีกก้าวสำคัญของเอไอเอ ประเทศไทย ที่จะได้เรียนรู้และร่วมกันสร้างนวัตกรรมที่ทันสมัย เพื่อช่วยส่งเสริมให้เอไอเอส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับให้แก่ลูกค้า และยกระดับธุรกิจประกันชีวิตไทยให้พร้อมก้าวสู่โลกดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ โดยร่วมมือกับสตาร์ทอัพที่มีการเฟ้นหามาร่วม 200 แห่งจากทั่วโลก คัดเลือกเหลือ 6 รายเพื่อมาร่วมสร้างนวตกรรมใหม่ๆ ในอนาคต

นายกฤษณ์ ต่อไปว่า เป้าหมายที่มุ่งสู่การขยายตลาดประกันสุขภาพมากขึ้น ในขณะที่สถานการณ์โควิดหากปรับเปลี่ยนเป็นโรคประจำถิ่นถือเป็นผลบวกต่ออุตสาหกรรมประกันชีวิตและวินาศภัยในภาพรวมอย่างแน่นอน เมื่อความเสี่ยงลดลงบริษัทก็ไม่ต้องตั้งสำรองเผื่อเคลมที่เยอะมากขึ้น ซึ่งโควิดเปรียบเสมือนสถานการณ์ที่กระตุ้นให้คนตื่นขึ้นมาสนใจเรื่องประกันสุขภาพมากขึ้น และเชื่อว่าโลกในอนาคตนั้นความไม่แน่นอนคือความแน่นอน ดังนั้น จากนี้ไปคนไทยจะเข้าถึงการประกันชีวิตและสินค้าประกันสุขภาพน่าจะดียิ่งขึ้น

"นอกจากนี้ การเปิดรับช่องทางการชำระเงินที่ไม่ใช้เงินสด ปัจจุบันบริษัทฯ รับชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสดมากกว่าเงินสดถึง 3 เท่า ฉะนั้นการชำระด้วยเงินสดถือเป็นสัดส่วนการชำระเงินที่ค่อนข้างน้อยอยู่แล้ว และในอนาคตหากมีการนำเงินสกุลอื่นๆ มาชำระเบี้ยประกันนั้น ต่อเรื่องดังกล่าวมีความเป็นไปได้ ซึ่งเอไอเอไม่ได้ปิดกั้นตัวเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น รูปแบบของการชำระสินค้าและบริการผ่านตราสารอื่นๆ ที่ไม่ใช้เงินอย่างที่เราคุ้นเคย ถูกควบคุมเฉพาะพอสมควร แต่ตราบใดที่คปภ.และธนาคารแห่งประเทศไทยอนุญาตใช้ตราสารหรือวิธีการชำระเงินรูปแบบอื่นได้ ตอบได้เลยว่าโครงสร้างหรือระบบซิสเต็มส์ของเอไอเอมีความพร้อมเพียงรอคำตอบจากภาพใหญ่อนุมัติ" นายกฤษณ์ กล่าวสรุป 

ที่มา:

(1) ข้อมูลจากสมาคมประกันชีวิตไทย ณ เดือนมกราคม 2565

(2) ข้อมูลจากสมาคมประกันชีวิตไทย ประจำปี 2564

(3) เบี้ยประกันภัยรับรายใหม่: เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (FYP) + เบี้ยประกันภัยรับชำระครั้งเดียว (SP)

(4) ข้อมูลจาก มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565

(5) ข้อมูล ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2565

(6) ข้อมูล ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2565 

ประกันชีวิต ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP