24 มีนาคม 2565 : ดร.พงษ์ภาณุ ดำรงศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในปี 2565 นี้ เคพีไอ วางแผนกลยุทธ์การทำงานให้สอดคล้องไปกับวิสัยทัศน์ใหม่ของบริษัทฯ เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะกับธุรกิจประกันภัย ที่ต้องปรับตัวอย่างมากให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความต้องการแบบใหม่ๆ ตลอดจนการให้ความช่วยเหลือกับคู่ค้าพันธมิตรธุรกิจ ตัวแทน นายหน้าทั่วประเทศ เพื่อให้พวกเขาสามารถทำงานได้ง่ายขึ้นและทุกที่ ทุกเวลา ที่เขาต้องการ”
เคพีไอ ตั้งเป้าในการผลักดันให้ประกันภัยเข้ามามีบทบาทสำคัญที่จะเชื่อมโยงเข้ากับทุกมิติชีวิตของผู้บริโภคให้มากขึ้น ผ่านแนวคิดในการทำงาน ดังนี้
1.การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาพัฒนาระบบการทำงาน เพื่อให้สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการที่ผู้บริโภคทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ง่าย
2.การใช้กลยุทธ์ด้านการบริหารงานแบบ O2O (Offline-to-Online) ที่ให้ความสำคัญกับคู่ค้าพันธมิตรธุรกิจ ตัวแทน นายหน้าทั่วประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นการผสมผสานและสร้างคุณค่าให้กับตัวแทน นายหน้า ด้วยการพัฒนาระบบใหม่ขึ้นมาเพื่อรองรับให้การทำงานของตัวแทน นายหน้าให้คล่องตัวขึ้น เช่น การนำเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันภัย การนำเสนออัตราเบี้ยประกันภัย การจัดการกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการเชื่อมต่อข้อมูลในระบบของแต่ละตัวแทน นายหน้านั้น ๆ ให้สามารถจัดการข้อมูลของตัวเองได้ โดยวางเป้าที่จะเพิ่มจำนวนตัวแทนและนายหน้าอีก 700 ราย ภายในกลางปี 2565 นี้
3.การพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ เพื่อให้บริการลูกค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ด้วยแนวคิดการออกแบบเฉพาะบุคคล (Personalization) ที่ลูกค้าสามารถจัดการข้อมูลและเข้าถึงบริการและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ด้วยตนเอง นอกจากนี้ เคพีไอ ยังมีบริการเสริมอีกมากมายเพื่อให้บริการกับลูกค้า โดยร่วมกับพันธมิตรธุรกิจที่หลากหลาย
เคพีไอ ในฐานะบริษัทประกันวินาศภัยสัญชาติไทยที่ดำเนินธุรกิจด้านประกันภัยมาอย่างต่อเนื่องจนย่างเข้าปีที่ 69 ล่าสุดข้อมูลอ้างอิงสรุป ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ได้เผยให้เห็นว่าบริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น 37.88% อยู่ที่ 16,300 ล้านบาท และมีรายได้เบี้ยประกันภัยตรงรับรวมเติบโตถึง 15.44% อยู่ที่ 4,540 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปี 2563
“เคพีไอ ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ที่ก่อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่ธุรกิจประกันวินาศภัยจะเติบโตไปได้อีกมาก จึงถือเป็นโจทย์ที่สำคัญและท้าทายของบริษัทฯ ที่จะต้องเร่งปรับกลยุทธ์องค์กรให้สอดรับกับสิ่งใหม่นี้อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในตลาดที่มีการแข่งขันสูง มีเทคโนโลยีและเทรนด์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา จึงให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่เข้าถึงง่ายบนแพลตฟอร์มดิจิทัล การพัฒนาช่องทางการขายบนระบบออนไลน์ การพัฒนาความสัมพันธ์กับคู่ค้าใหม่ ๆ เพื่อเสริมศักยภาพให้กับธุรกิจองค์กร ตลอดจนการดำเนินธุรกิจที่ควบคู่กับการสร้างคุณค่า ดูแลคนในสังคม คำนึงถึงผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อบรรลุเป้าหมายของการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน” ดร. พงษ์ภาณุ กล่าวสรุป