WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันอาทิตย์ ที่ 24 พฤศจิกายน 2567 ติดต่อเรา
เจมาร์ทประกันภัย มุ่งเน้นเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ปีละ 200-300 ล้านบาท ระหว่างรอระบบบัญชีใหม่ Tfrs17 ประกาศใช้ปี 67 หลังจากนั้นเดินเครื่องเติมสูบ

19 มีนาคม 2565 : นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผยถึงการเข้ามาทำธุรกิจประกันภัยของกลุ่มเจมาร์ท ว่า เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2556 ได้รับใบอนุญาตเป็นบริษัทโบรกเกอร์ ภายใต้ชื่อ “เจอินชัวรันส์โบรกเกอร์” ต่อมาก็มีการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “เจมาร์ท อินชัวรันซ์ โบรกเกอร์” ซึ่งในเบื้องต้นนั้นนำสินค้าของบริษัทประกันภัยหลายแห่งมาให้บริการ

ทั้งนี้ เมื่อดำเนินงานมาสักระยะหนึ่งทางกรุ๊ปมีความต้องการจะทำตลาดเอง จึงประสานกับบริษัทประกันภัยให้เขาคิดค้นโปรดักส์เฉพาะสำหรับเจมาร์ท มานำเสนอต่อผู้เอาประกันภัยเพื่อเป็นทางเลือกที่เพิ่มขึ้นซึ่งในระยะแรกก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง

จนกระทั่งได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ บริษัท ฟินิกส์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) (ชื่อเดิมขณะนั้น) โดยทำการตรวจสอบประเมินทรัพย์สินและหนี้สิน ( Deu diligence ) เป็นเวลาเกือบ 2 ปี จนบรรลุข้อตกลง โดยเจทาร์ท ใส่เงินลงทุนเพิ่มในเบื้องต้น 200 ล้านบาท เข้าถือหุ้นกว่า 55% โดยทำตลาดมาสักระยะหนึ่งและมีมติเปลี่ยนชื่อเป็น "บมจ.เจมาร์ทประกันภัย" มีผลิตภัณฑ์หลักๆ คือ ประกันรถยนต์ ประเภท 1, 2, 3 ประกันภัย พ.ร.บ.และประกันภัยด้านอื่นๆ ที่ไม่ใช่รถยนต์ด้วย เช่น ประกันอัคคีภัย ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล เป็นต้น

นายสุทธิรักษ์ กล่าวต่อไปว่า ในปีที่ผ่านมา 2564 บริษัทเพิ่มทุนอีก 70 ล้านบาท รวมเป็นทุนจดทะเบียนกว่า 300 ล้านบาท รวมถือหุ้นกว่า 60% เพื่อเพิ่มศักยภาพและความแข็งแกร่งของเงินกองทุน

สำหรับผลการดำเนินงานของเบี้ยประกันภัยที่ได้ประมาณปีละ 200 ล้านบาท ซึ่งยังไม่ได้เยอะมาก เพราะเดิม ฟินิกส์ประกันภัย เป็นบริษัทที่มีผลงานขาดทุนมาก่อน ดังนั้นการที่เรามาทำตลาดต่อ และจะเร่งขยายงานทำยอดขายพุ่งขึ้นไปเยอะๆ ยังทำไม่ได้ขณะนี้ เนื่องจากวิธีบันทึกบันชีรายได้ของธุรกิจประกันไม่ได้บันทึกบัญชีแบบซื้อมาขายไป แตกต่างจากธุรกิจอื่นๆ

ยกตัวอย่าง ขายได้ 100 ต้องนำไปคูณ 3/24 ซึ่งคอมมิชชั่นหรือค่าใช้จ่ายที่ให้กับตัวแทนโบรกเกอร์จะถูกบุ็คบัญชีทันที รับรู้รายได้เพียงส่วนเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นหากรับเบี้ยประกันมาจำนวนมากจะทำให้งบการเงินหรือสถานะของบริษัทดูไม่ดี เราจึงค่อยๆ ทำตลาดแบบระมัดระวังเติบโตได้แบบค่อยเป็นค่อยไป ส่วนทางด้านสินไหมทดแทนปัจจุบันอยู่ที่ 60% จากเดิมมีการเคลมสูงกว่า 100% และคาดว่าจะเริ่มเห็นผลกำไรในปี 2566

"ฉะนั้นปีนี้บริษัทก็ยังกำหนดให้ยอดขายเติบโตทรงตัวอยู่ประมาณ 200- 300 ล้านบาทต่อปี ระหว่างรอมาตรฐานการรายงานทางการเงินแบบใหม่ Tfrs17 จะออกมาใช้ โดยคาดว่าจะเริ่มปี 2567 ส่วนผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่จะออกมาขยายตลาดเพิ่มก็จะเป็นการประกันสุขภาพ"นายสุทธิรักษ์ กล่าวสรุป

ประกันภัย ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP