28 กุมภาพันธ์ 2565 : นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP กล่าวว่า “ในปี 2564 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 6,722 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ บริษัทฯ ในปีนี้มีจำนวน 5,287 ล้านบาท ซึ่งลดลงร้อยละ 20.72 จากปีก่อน
ทั้งนี้ เนื่องจากในไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทฯ มีการรับรู้กำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะ ซึ่งเป็นกำไรพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียว ดังนั้นหากไม่รวมกำไรพิเศษดังกล่าว บริษัทฯจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 1,508 ล้านบาท หรือร้อยละ 43.71 ซึ่งเกิดจากผลการดำเนินงานของบริษัทฯและบริษัทย่อยที่สำคัญที่เติบโตขึ้น แม้ว่าบริษัทร่วมทั้ง ttb และ MBK จะยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่องก็ตาม
อย่างไรก็ดี แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจไทยค่อย ๆ ฟื้นตัวอย่างช้า ๆ แต่บริษัทย่อยที่สำคัญของ TCAP ทั้ง ราชธานีลิสซิ่ง (THANI) ธนชาตประกันภัย (TNI) บล.ธนชาต (TNS) รวมถึง เอ็ม บี เค ไลฟ์ ประกันชีวิต (MBK Life) ยังมีผลการดำเนินงานในปี 2564 อยู่ในเกณฑ์ที่ดี และในปี 2565 นี้ ยังมีการตั้งเป้าในทิศทางก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง โดย THANI ได้มีการตั้งเป้าสินเชื่อปล่อยใหม่ (New Drawdown) ในปีนี้ 26,400 ล้านบาท และมียอดคงค้างของเงินให้สินเชื่อ ณ สิ้นปี 2565 ประมาณ 50,000 ล้านบาท
ในส่วนของ TNI มีการตั้งเป้าหมายขยายเบี้ยประกันภัยรับรวมเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท จากเบี้ยประกันภัยรับรวมปีก่อนที่ 8,334 ล้านบาท โดยเน้นการดำเนินธุรกิจที่ไร้ขีดจำกัด ผ่านช่องทางออนไลน์และแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง สำหรับ TNS ถึงแม้ว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ แต่ในภาพรวม ยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันไว้ได้
ประกอบกับการต่อยอดความสำเร็จในการนำเสนอแผนจัดสรรการลงทุน (Portfolio Advisory – ZEAL) และการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ (Derivative Warrants) ซึ่งคาดว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของ MBK Life ได้มีแนวทางในการดำเนินธุรกิจโดยการปรับปรุงกระบวนการทำงานและการให้บริการให้มีความทันสมัย และไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านประกันชีวิตอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นไปที่การประกันคุ้มครองสินเชื่อ และการประกันกลุ่ม
ถึงแม้ว่าการระบาดของโรคโควิด-19 จะยังคงเป็นตัวแปรหลักในภาคเศรษฐกิจองค์รวม ซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกธุรกิจมาเป็นระยะเวลาพอสมควร และยังไม่อาจเรียกได้ว่าคลี่คลายมากนัก แต่ฝ่ายจัดการยังคงมีความมั่นใจว่า ฐานะทางการเงินของบริษัทฯมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และจะสามารถก้าวข้ามผ่านวิกฤติไปได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง