24 กุมภาพันธ์ 2565 : นายสวภพ ท้วมแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซอร์ทเอาท์ จำกัด (ZORT) แพลตฟอร์มบริหารจัดการออเดอร์และสต๊อกครบวงจร (Seller Management Platform) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจมากว่า 6 ปี ให้บริการร้านค้ากว่า 3,000 ร้านค้า ที่เน้นความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ให้ลูกค้าเข้าถึงบริการที่ตอบโจทย์ที่สุด ใช้ง่ายที่สุด และใช้จ่ายน้อยที่สุด ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าการซื้อขายออนไลน์ได้รับความนิยมอย่างมาก
โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด-19 เกิดการล็อกดาวน์หลายครั้งทำให้ผู้คนหันมานิยมการจับจ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ อีกทั้งยังทำให้เกิดแม่ค้าออนไลน์ และออฟไลน์ หน้าใหม่ขึ้นมาในช่วงนั้นอย่างมาก โดยเฉพาะการเปิดร้านค้าผ่านหลายแพลตฟอร์ม เช่น Lazada, Shopee, JD central, Facebook หรือ Line เป็นต้น
จากการเก็บข้อมูลของ ZORT พบว่าลูกค้ามีการเติบโตของยอดขายโดยเฉลี่ย 300% ในช่วงเวลาย้อนหลัง 3 ปี หลังจากที่ใช้ระบบของเรา ทำให้เห็นว่าระบบการจัดการร้านค้าออเดอร์และสต๊อกออนไลน์มีบทบาทสำคัญอย่างมีนัยยะในการขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้าอย่างสมบูรณ์แบบ จากแนวโน้มการเติบโตของการซื้อ- ขายออนไลน์ จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ ZORT เติบโตควบคู่ไปในทิศทางเดียวกัน
ดังนั้น เพื่อสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่ตอบโจทย์ทั้งหมด ZORT จึงรวบรวมการขายของจากหน้าร้านทุกแพลตฟอร์มและหน้าร้านแบบออฟไลน์มาไว้ที่เดียว ทั้งระบบจัดการคลังสินค้า จัดการออเดอร์ จัดการสต๊อก จัดการขนส่ง จัดการระบบรับชำระเงิน (Payment Gateway) รวมถึงฟีเจอร์ส่งเสริมการขายจำนวนมาก ที่พัฒนาจากความคิดเห็นของผู้ใช้งานจริงและการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า (Data Analysis) เพื่อต่อยอดพัฒนาการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพให้สอดคล้องกับพันธกิจของบริษัทที่ต้องการสนับสนุนการเติบโตของลูกค้า เนื่องจากสามารถทราบถึงต้นทุนจากการขาย วิเคราะห์แนวโน้มกำไร เรียกดูข้อมูลย้อนหลังเกี่ยวกับสถิติการขายของเจ้าของร้าน เช่น รายการสินค้าที่สร้างยอดขายได้ดี และรายการสินค้าที่ไม่ได้รับความนิยมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับเป้าหมายทางธุรกิจขอ ZORT คือตั้งเป้าหมายในปี 2565 มีลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 6,000 ร้านค้า ครอบคลุมร้านค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม และขยายการให้บริการไปสู่ระดับอาเซียน รวมถึงตั้งเป้าหมายระดับ 3 ปี จะสามารถขยายฐานลูกค้าไปถึง 18,000 ร้านค้า ซึ่งล่าสุด ZORT ได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจาก บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด และ บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด และนักลงทุนอิสระ ในการเพิ่มทุนระดับ Series A โดยการระดมทุนครั้งนี้จะทำให้ ZORT ได้รับเงินทุน 55 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอให้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ รวมถึงการบุกตลาดอาเซียน และขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งในอาเซียนได้อย่างไม่ยาก
นายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด กล่าวว่า นับเป็นการลงทุนที่สำคัญอีกครั้งของเรา เพราะนอกจากกรุงศรี ฟินโนเวต จะลงทุนในฐานะ CVC (Corporate Venture Capital) ที่มุ่งลงทุนในสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ เพื่อต่อยอดความร่วมมือในการนำเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญของสตาร์ทอัพมาช่วยพัฒนาโซลูชันให้กับกลุ่มลูกค้า SME ของกรุงศรี
พร้อมทั้งสร้างโอกาสทางการเงินและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับร้านค้าออนไลน์ที่ใช้บริการแพลตฟอร์มของ ZORT และครั้งนี้ยังเป็นการลงทุนในสตาร์ทอัพรายแรกของกองทุน Finnoventure Fund ที่กรุงศรี ฟินโนเวต เป็นผู้บริหารกองทุน ซึ่งจะเป็นโอกาสในการเชื่อมต่ออีโคซิสเต็มส์ระหว่างนักลงทุนและกลุ่ม SME จำนวนมาก การลงทุนในครั้งนี้ยังจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้ ZORT ในการขยายฐานลูกค้าและเติบโตไปสู่การเป็นแพลตฟอร์มการบริหารจัดการธุรกิจออนไลน์ในตลาดอาเซียนได้สำเร็จอีกด้วย
นางสาวณัฐธิดา สงวนสิน กรรมการผู้จัดการ และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด กล่าวว่า ZORT ถือเป็นอีกแพลตฟอร์มที่ช่วยเพิ่ม Ecosystem ให้กับร้านค้าออนไลน์ทำงานด้านบริหารจัดการได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นการยกระดับธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทย โดยการเข้าร่วมทุนของ Buzzebees ในฐานะผู้นำด้าน CRM & Loyalty Program ในครั้งนี้ ถือเป็นการต่อยอดร่วมกันกับ ZORT เพื่อให้ร้านค้าออนไลน์ได้รับประโยชน์สูงสุดบน Ecosystem ที่ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งจะต่อยอดในส่วนของการบริหารจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM Solutions)
ทำให้ร้านค้าออนไลน์มีฐานข้อมูลลูกค้าเป็นของตนเอง และทราบถึงพฤติกรรมของลูกค้าผ่านฟีเจอร์ต่างๆ ซึ่งเป็นบริการของ Buzzebees เช่น บน Line OA ทำให้สามารถสร้างแคมเปญได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละเซกเม้นท์ อีกทั้งยังสามารถนำสินค้ามาลงขายบนแพลตฟอร์มพันธมิตรของ Buzzebees ซึ่งมีกว่า 300 แพลตฟอร์ม นับเป็นการเพิ่มช่องทางการขายให้กับร้านค้า ขณะเดียวกัน Buzzebees ก็มีเน็ตเวิร์กเพิ่มขึ้น จึงเชื่อมั่นได้ว่าจะช่วยสร้างยอดขายให้กับร้านค้าออนไลน์ได้ครอบคลุมมากขึ้น
นายโคบี้ บุญบรรเจิดศรี นักธุรกิจและนักลงทุน ที่เป็นอีกหนึ่งในผู้ที่เข้ามาเพิ่มทุนรอบ Series A ให้กับ ZORT กล่าวว่าการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพที่เป็น Early Stage ถือว่ามีโอกาสเติบโตสูง เนื่องจากส่วนใหญ่นักธุรกิจสตาร์ทอัพจะคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆที่ช่วยแก้ปัญหาการทำธุรกิจในรูปแบบเดิมๆได้ด้วยเทคโนโลยี ซึ่งการนำเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนธุรกิจให้กับกลุ่ม SME ในด้านอีคอมเมิร์ซถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตอย่างน่าสนใจ เพราะในอนาคตอีคอมเมิร์ซจะกลายเป็นภาคธุรกิจที่จะมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับโลกอีกหนึ่งด้านที่สำคัญ