21 กุมภาพันธ์ 2565 : ธุรกิจเมตาเวิร์สกำลังเป็นที่สนใจของนักลงทุน และปัจจุบันมีกองทุนรวมไทยหลายกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในธุรกิจดังกล่าว จนอาจทำให้ลูกค้าลังเลว่า จะตัดสินใจเลือกกองทุนใดถึงจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี จากประเด็นนี้นักลงทุนทั้งหลายควรเลือกกองทุนที่มีกลยุทธ์การลงทุนเชิงรุกที่คล่องตัว รวมถึงควรกระจายการลงทุนไปยังหลากหลายกองทุนอีทีเอฟ (ETF) เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนที่เกิดขึ้น เนื่องจากธุรกิจเมตาเวิร์สเป็นธุรกิจเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็ว และมักจะมีข่าวดีใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอ

จากกระแสยยอดฮิต เมตาเวิร์ส เลยทำให้นึกถึงเมกะเทรดน์ที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่ง คือ Meta ชื่อใหม่อันเก๋ไก๋ของ Facebook นั้นเอง และหุ้น Meta ที่ติดลมบนมาตลอด กลับทิ่มหัวลงอย่างใจหายใจคว่ำ นักลงทุนไทยก็อาจจะไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เพราะมีนักลงทุนส่วนน้อยที่เปิดบัญชีลงทุนต่างประเทศเพื่อลงทุนในหุ้นดังกล่าว แต่หากพูดถึงการลงทุนแฝงนักลงทุนไทยมีไม่น้อยแน่นอน การลงทุนแฝงดังกล่าวจะอยู่ในรูปของกองทุนรวมต่างประเทศ ที่มีผู้จัดการกองทุนของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จัดตั้งขึ้นเพื่อเพื่อใช้เป็นอีกช่องทางในการสร้างผลกำไรลและลดความเสี่ยงงจากการลงทุนให้กับลูกค้าตัวเอง

หลังจากประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 4 ของหุ้น Meta ที่ผ่านมา ราคาหุ้นก็ปรับลดลงกว่า 25% ทำให้และทำให้ Market cap. หายไปกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์หสรัฐ ทำให้กองทุนหลายๆ กองที่มีการลงทุนในหุ้นดังกล่าวได้รับผลกระทบจากราคาที่ปรับลดลงไปด้วย ที่ผ่านมาหุ้น Meta นับว่าเป็นหุ้นที่เป็นที่นิยมของกองทุนขนาดใหญ่หลายๆเจ้าและยังลงทุนด้วยสัดส่วนจำนวนมากอีกด้วย เช่น Fidelity Contrafund (FCNKX) ที่ให้น้ำหนักลงทุนในหุ้น Meta มากถึง 9.66% เมื่อเทียบกับ Morningstar U.S. Market index ที่ให้น้ำหนักเพียง 1.7% และ Morningstar Large Growth index ที่ให้น้ำหนักเพียง 3.7%

เรามาส่องกันดูว่ามีกองทุนที่ลงทุนในหุ้น Meta จำนวนมากน้อยเพียงใดกัน บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสริช (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า เหตุผลที่ผู้จัดการกองทุนชื่นชอบในหุ้น Meta เนื่องจากเห็นว่าเป็นบริษัทที่สร้างอัตรากำไรการดำเนินงานได้อย่างแข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดสูง และเชื่อมั่นในความสามารถของผู้บริหารที่จะทำให้บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันและสามารถสร้างผลกำไรให้ดีขึ้นได้ต่อเนื่อง และทำให้โดยรวมแล้วกองทุนภายใต้การบริหารจัดการของ Fidelity จำนวน 22 กองทุนได้ลงทุนในหุ้น Meta รวมกันสูงถึง 3% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของกิจการ

นอกจาก Fidelity ยังมีกองทุนอย่าง T. Rowe Price Blue Chip Growth (TRBCX) ที่ลงทุนในหุ้น Meta ด้วยสัดส่วนที่สูงถึง 6.7% หรือ T. Rowe Communications & Technology Fund (PRMTX) ลงทุนด้วยน้ำหนัก 5.7% ทำให้โดยรวมกองทุนภายใต้ T. Rowe Price จำนวน 6 กองทุน ได้ลงทุนในหุ้น Meta รวมกันสูงถึง 3% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของกิจการเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากองทุนประเภท Growth funds ส่วนใหญ่จะชอบการลงทุนในหุ้น Meta อย่างมาก แต่ในมุมของ Value funds อย่างเช่น FPA Crescent’s (FPACX) ลงทุนใน Meta เพียง 2.9% เท่านั้น โดยผู้จัดการกองทุนให้ความเห็นว่ายังเชื่อมั่นต่อภาพระยะยาวของ Meta แต่ยังคงต้องใช้ระยะเวลาเพื่อพิสูจน์ความสำเร็จของ Metaverse นอกจากนี้การที่ Mark Zuckerberg มีการลงทุนในเทคโนโลยีที่ดีอย่างเช่น Instagram ก็น่าจะช่วยส่งเสริมการเติบโตที่ดีในระยะยาวด้วย

สำหรับ Index-tracking funds ที่ต้องลงทุนล้อไปกับน้ำหนักหุ้นตามแบบดัชนีอ้างอิงก็จะต้องลงทุนในหุ้น Meta เช่นกัน เช่น Vanguard Total Stock Market Index (VSMPX)ซึ่งลงทุนใน Meta ด้วยสัดส่วน 1.64% กองทุน American Funds จาก Capital Group มีบางกองทุนที่มีการลงทุนใน Meta จำนวนมากเช่นกัน อย่างเช่นกอง Growth Fund of America’s (AGTHX) ที่ลงทุนถือหุ้นอยู่ด้วยน้ำหนักถึง 4%