17 กุมภาพันธ์ 2565 : เมื่อคุณเก็บเงินเป็นเงินสด ค่าเงินจะสูญเสียไป แต่หากปรับวิธีการให้เงินทำงาน เงินของคุณก็จะเติบโตขึ้น แต่การจัดการพอร์ตโฟลิโออย่างมีประสิทธิภาพนั้นค่อนข้างซับซ้อน จำเป็นต้องมีที่ปรึกษาที่มีความสามารถ ที่ทำให้เราเข้าใจ เข้าถึง ตามเป้าหมายที่วางไว้
วันนี้จะพามาทำความรู้จัก กองทุน “ARK(อาร์ค)” อีกหนึ่งทางเลือกที่มีสีสันของจักรวาลการลงทุน ซึ่งยอมรับว่า กองทุน "ARK” ยังคงเป็นหัวข้อสนทนาในหมู่นักลงทุนที่พูดถึงกันมาก ในปี 2020 ที่ผ่านมา “Active ETF” ของ “ARK Invest” สะท้านวงการกองทุนด้วยผลตอบแทนทะลุ 100% ทุกกองทุน ทำให้นักลงทุนทั่วโลก รวมถึงนักลงทุนไทยได้รู้จักกับ “กองทุน ARK”กันถ้วนหน้า “ARK Invest" เป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนนรวม (บลจ.)สัญชาติ “สหรัฐ” จัดตั้งเมื่อปี 2014
ล่าสุด ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา (บลน.ฟินโนมีนา) ระบุว่า ARK Invest เขียนคำเตือนว่า "เชื่อว่า Disruptive Innovation จะมาทดแทน Technology เก่า รวมถึงสร้างตลาดใหม่ๆที่ตอนนี้ยังไม่มีอยู่จริง ซึ่ง Present เป็นการให้ข้อมูลเท่านั้น มีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนและอาจมีการปรับคาดการณ์ในอนาคตใหม่ได้"
และ ARK เชื่อว่าเรากำลังอยู่ในยุคที่เปลี่ยนผ่านสู่ยุคแห่งนวัตกรรม ซึ่งเกิดขึ้นไม่ได้ในอดีต แต่เพราะการพัฒนาของนวัตกรรม 5 หมวดที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วอย่างน้อยจนถึงปี 2030 (ARK ใช้คำว่า Innovation Platform) ได้แก่ 1.นวัตกรรม AI เติบโต 2.นวัตกรรม Battery 3.นวัตกรรม Blockchain 4.นวัตกรรม Robotic และ 5.นวัตกรรม Gene Sequencing
โดยกลุ่มที่ไม่มี Innovation จะเติบโตได้น้อยมาก นวัตกรรมข้างต้นจะเป็นตัวแปลงสำคัญที่ทำให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ ARK เชื่อว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการลงทุนในกลุ่ม Disrupt Innovation และมองเห็นความเป็นไปได้ที่จะลงทุนในกว่า 14 ไอเดีย เพราะ Innovation เหล่านี้กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากต้นทุนที่ลดลงรวดเร็ว และความต้องการที่มากขึ้นในหลากหลายธุรกิจปลายน้ำ
สำหรับไอเดียที่ ARK ได้แก่ 1. Artificial Intelligence (AI) เชื่อว่า AI จะเข้าไปแทนที่งานของเหล่าแรงงานในหลากหลายอุตสาหกรรม มองว่าทั้งบริษัท AI Hardware และ Software จะสามารถเติบโตได้ถึง 50%
2. Digital Consumers ผู้บริโภคใช้เวลาและเงินบนโลกออนไลน์มากขึ้นเรื่อยๆ มองว่าส่วน Digital Consumers จะเติบโตจาก 18% CAGR ภายในปี 2026
3. Digital Wallet และ Cash App ทั่วโลกกำลังแย่งส่วนแบ่งตลาดจากธุรกิจการเงินแบบดั่งเดิม รวมถึงการให้บริการโบรกเกอร์ และสินเชื่อ และอื่นๆ เพราะสามารถให้ความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้งานและ ค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า มองว่า Digital wallet ทั่วโลกจะสามารถเติบโตเป็น 78% CAGR ในปี 2026
4. Public Blockchain ซึ่ง Blockchain เป็นสิ่งที่จะเข้ามา Disrupt การเงินและ Internet แบบเดิม ลดความจำเป็นที่เราผูกความเชื่อใจไว้กับสถาบันการเงินหรือบริษัทต่างๆ ที่อิงอยู่กับระบบบัญชี รัฐบาล และกฏหมายข้อบังคับต่างๆ ซึ่ง Blockchain เป็นเทคโนโลยีที่เอื้อให้เกิดการปฏิวัติจาก 2 นวัตกรรมคือ DeFi และ Web3
5. Bitcoin มองว่าการที่ Bitcoin สามารถทำ All time high ได้ในปี 2021 เป็นสัญญาณที่ดีทาง Network Fundamental โดยมีผู้ถือ Bitcoin ในระยะยาวเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา ปัจจุบันมีสถาบัน ประเทศ และบริษัท ถือ Bitcoin อยู่ประมาณ 8% ของ Supply ทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เชื่อว่า Bitcoin จะเป็น New Asset Class ไม่ต่างจาก Real Estate, Bond, M2 Equities และ Gold ซึ่ง Bitcoin จะเติบโตอีก 26 เท่าในปี 2030 หรือเป็นมูลค่ากว่า $1M ต่อเหรียญ ซึ่งเป็นการคิดจาก Fund Flow ใน Asset ต่างๆ ที่ย้ายเข้ามาใน Bitcoin
6. Ethereum & Defi โดย Etherreum (ETH) จะกลายเป็น Global Financial Service ที่สามารถโตได้มากถึง 56 เท่าใน 10 ปีต่อจากนี้ และมี Market Cap ราวๆ $22.5T (ปัจจุบัน $0.3T) โปรเจกต์ต่างๆ ที่สร้างบน Chain จะมีธุรกรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมความโปร่งใสที่มากขึ้นและค่าธรรมเนียมที่ถูกลง
7. Web3 มองว่าจากการที่ผู้บริโภคหันมาใช้เวลาและใช้จ่ายมากขึ้น ทำให้ Digital Asset มีความสำคัญเพิ่มขึ้นด้วย สังเกตจากความต้องการในการซื้อ NFT ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มองว่า NFT จะสร้างความบันเทิง ธุรกิจใหม่ๆ เชื่อว่า Web3 จะสามารถเติบโต 28% CAGR ในปี 2030
8. Gene Editing มองว่า การนำ AI มาใช้ร่วมกับเทคนิค DNA Sequencing และ CRISPR Gene Editing จะเข้ามาเปลี่ยนอุตสาหกรรม Health Care และเพิ่มโอกาสการค้นพบใหม่ๆในทางวิทยาศาสตร์ จุดเด่นของ Gene Editing และ CRISPT คือทำให้การรักษานั้นเกิดที่ต้นเหตุจริงๆ ตรงจุดในแบบเฉพาะบุคคล ไม่ใช่แค่บรรเทาหรือรักษาตามอาการ คาดว่าบริษัทในอุตสาหกรรมนี้จะสามารถเติบโตได้ถึง 54% CAGR ในปี 2026
9. Multiomics การผสมผสานศาตร์ทางชีววิทยาหลายๆศาสตร์เข้าด้วยกัน จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถปลดล็อคความลับที่อยู่ในรหัสพันธุกรรมได้ Project การเข้าใจถึงรหัสพันธุกรรมของมนุษย์ได้สำเร็จในปีที่ผ่านมา หลังจากพัฒนามาตั้งแต่ปี 2003 เพื่อสร้าง Next-Generation Sequencing นับเป็นความสำเร็จทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญอีกหนึ่งครั้ง จะนำมาซึ่งสุขภาพของมนุษย์ที่ดีขึ้น พร้อมเครื่องมือและวิธีการรักษาใหม่ๆ เช่น Plasma Serum คาดว่าอุตสาหกรรมจะสามารถเติบโต 22% CAGR ใน 5 ปีข้างหน้า
10. Electric Vehicles ด้วยระยะทางในการขับขี่ต่อการชาร์จ 1 คร้ังที่เพิ่มขึ้น กับราคาของรถ EV ที่ถูกลง เป็นสาเหตุให้ Adoption เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนในปี 2021 ที่ผ่านมา ยอดขายรถ EV ทั่วโลกโตกว่า 112% ในขณะที่รถยนต์สันดาปเติบโตเพียง 1.7% เท่านั้น ราคา Battery ถูกลงอย่างรวดเร็ว ทุกๆ การส่งมอบ Battery ที่เพิ่มขึ้น 1 เท่าจะช่วยลดราคา Battery ลง 28% คาดว่าจะทำให้ราคาของ EV ต่ำกว่าราคารถยนต์สันดาบในปี 2025 คาดว่าอุตสาหกรรม EV จะสามารถส่งมอบรถได้กว่า 40 ล้านคันในปี 2026 และ Tesla ยังเป็นผู้นำในตลาดนี้ ARK มองว่า Performance ของรถ EV แบรนด์อื่นโดยเฉลี่ย อยู่ในระดับเดียวกับ Tesla ปี 2018 เท่านั้น
11. Autonomous Ride Hailing ARK เชื่อว่าจะมี Air Taxi เกิดขึ้นเพราะการมาของระบบขับขี่อัตโนมัติ อีกทั้งระบบขับขี่อัตโนมัติทั้งบนภาคพื้นดินและในอากาศจะช่วยลดต้นทุนในการขับขี่ให้เหลือเพียงประมาณ 12% จากปัจจุบันเท่านั้น และจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากกว่าทุกนวัตกรรมที่เคยเกิดขึ้นบนโลก ARK มองว่า Platform การขับขี่อัตโนมัติจะช่วยให้ Global GDP ขยายตัวอีก $26T ในปี 2030
12. Autonomous Logistic การขนส่งอัตโนมัติจะเกิดขึ้นทั้งในรถบรรทุก โดรน และหุ่นยนต์ขนส่ง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความสะดวกสบาย และลดต้นทุนในการขนส่ง โดยการขนส่งด้วยรถบรรทุกจะมีต้นทุนลดลง 50% การขนส่งโดยใช้หุ่นยนต์แทนรถขนส่งจะมีต้นทุนเพียง 15% เทียบรถขนส่งในปัจจุบัน การขนส่งโดยโดรนใช้ขนส่งสินค้าเล็กๆ เช่น อาหาร ยา E-commernce ต่าง ๆ จะมีต้นทุนเหลือเพียง 5% จากปัจจุบันเท่านั้น ARK เชื่อว่าระบบขนส่งอัตโนมัติจะสร้างรายได้ให้บริษัทต่างๆ ราว $900 ล้านในปี 2030 (ปัจจุบันคือ 0)
13. 3D Printing & Robotics นวัตกรรม 3D print และ Robotic จะเป็นก้าวต่อไปของภาคการผลิต ช่วยแก้ไขปัญหา Materials Waste ลดเวลาและต้นทุนในการผลิตลง โดยปัญหา Supply Shortage และปัญหาขาดแคลนแรงงาน จะเป็นตัวเร่ง ให้เกิดความต้องการใช้งาน 3D Print & Robotics คาดว่าในปี 2026 การผลิตต้นแบบ 80-90% การผลิตแม่พิมพ์ และอุปกรณ์ประมาณ 30% และผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ 20% จะถูกสร้างโดย 3D Print และอุตสาหกรรม 3D Prints & Robotics จะเติบโตได้ 56% ต่อปี ในปี 2030
14. Orbital Aerospace ความก้าวหน้าจาก AI เซ็นเซอร์ การเชื่อมต่อไร้สาย หุ่นยนต์และ 3D Print ทำให้ต้นทุนด้านการบินและอวกาศลดลง เป็นผลให้เกิดการปล่อยดาวเทียม และใช้จรวดมีการใช้งานที่แพร่หลายมากขึ้น ความสำเร็จของ SpaceX ในการสร้างจรวดที่สามารถใช้ซ้ำได้ทำให้ต้นทุนในการใช้จรวดต่ำลงอย่างไม่เคยมีมาก่อน ระยะเวลาในการเตรียมจรวดให้กลับมาใช้ซ้ำได้ก็ลดลงเหลือเพียง 27 วันเท่านั้น จากค่าเฉลี่ยเดิมอยู่ที่ 252 วัน
ในส่วนดาวเทียม ARK คิดว่า การปล่อยดาวเทียมแบบใกล้พื้นผิวโลกจะได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งจะทำให้การเข้าถึง internet เกิดขึ้นได้ทั่วทุกมุมโลกใน latency ที่ต่ำกว่า 40ms (ดาวเทียมระยะไกลอยู่ที่ 700 ms) และเมื่อ USER ที่ใช้ internet ผ่านดาวเทียมมากกว่า 1 ล้านคน จะทำให้ต้นทุนอุปกรณ์ส่งสัญญาณดาวเทียมลดลงอีกครึ่งหนึ่ง และในปี 2030 จะมีดาวเทียมในชั้นบรรยากาศมากกว่า 75,000 ตัว ARK เห็นว่าธุรกิจ อินเทอร์เน็ตจากดาวเทียมจะสร้างรายได้ใน US ได้ $10B ต่อปี และทั่วโลกกว่า $40B ใน 5-10 ปีข้างหน้า