24 ธันวาคม 2564 : นายจรัญ สอนสวัสดิ์ ผู้จัดการกองทุนประกันชีวิต เปิดเผยว่า กองทุนฯ มีหน้าที่ในการนำเงินกรมธรรม์ล่วงพ้นอายุความ ซึ่งเป็นเงินที่บริษัทประกันชีวิตจำนวน 21 บริษัท นำส่งเข้ากองทุนฯ เนื่องจากเป็นเงินที่ผู้เอาประกันชีวิตไม่ได้ไปรับจากบริษัทจนล่วงพ้นระยะเวลา 10 ปี จนถึงปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 พฤศจิกายน 2564) มีเงินจำนวน 1,561 ล้านบาท ผู้เอาประกันชีวิตที่มีสิทธิรับเงินทั้งสิ้นจำนวน 1.1 ล้านราย และผู้เอาประกันชีวิต หรือผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ หรือทายาท แล้วแต่กรณียื่นขอรับเงินดังกล่าวคืนจากกองทุนได้อีกภายในระยะเวลา 10 ปีนับแต่วันที่ล่วงพ้นอายุความ
โดยกองทุนประกันชีวิต ได้จ่ายเงินคืนให้แก่ผู้มีสิทธิรับเงินไปแล้ว จำนวน 7,804 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.7 ของจำนวนรายทั้งหมด เป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 43 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.73 ของจำนวนเงินทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับจำนวนผู้มีสิทธิได้รับเงินทั้งหมด สาเหตุเนื่องมาจากประชาชน ซึ่งเป็นผู้เอาประกันส่วนใหญ่ไม่ทราบถึงสิทธิของตน
คณะกรรมการบริหารกองทุนประกันชีวิต โดยนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการบริหาร ได้มอบนโยบายให้กองทุนขับเคลื่อนงานเชิงรุกด้วยเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชนที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) กองทุนจึงได้พัฒนาโปรแกรมตรวจสอบสิทธิเงินกรมธรรม์ล่วงพ้นอายุความเพิ่มเติม เป็น โปรแกรมตรวจสอบสิทธิและการขอรับ-จ่ายเงินกรมธรรม์ล่วงพ้นอายุความออนไลน์ หรือ โปรแกรมเงินกรมธรรม์ล่วงพ้นอายุความ Plus+ ประชาชนสามารถใช้บริการได้ที่เว็บไซต์กองทุนประกันชีวิต www.lifeif.or.th
โดย login ผ่านระบบยืนยันตัวบุคคล ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 หากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นผู้มีสิทธิในเงินกรมธรรม์ล่วงพ้นอายุความ ก็สามารถยื่นคำขอรับเงินผ่านโปรแกรมออนไลน์ได้เลย ซึ่งระยะเริ่มแรกโปรแกรมจะเปิดให้บริการสำหรับผู้ยื่นคำขอรับเงินที่เป็นผู้เอาประกันชีวิตก่อน ส่วนผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ หรือทายาท โปรแกรมจะเปิดให้ใช้ในโอกาสต่อไปในชั้นนี้จึงขอให้ยื่นคำขอรับเงินแบบเดิมไปพลางก่อน สำหรับขั้นตอน วิธีการใช้งานโปรแกรมศึกษาเพิ่มเติมตามคู่มือในเว็บไซต์เช่นกัน
อย่างไรก็ดีหากผู้เอาประกันชีวิต หรือผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ หรือ ทายาท ที่มีความประสงค์จะยื่นคำขอรับเงินกรมธรรม์ล่วงพ้นอายุความในรูปแบบเอกสารก็ยังสามารถทำได้ โดยยื่นคำขอรับเงินตามแบบคำขอ พร้อมแนบเอกสารหลักฐาน และส่งไปยังที่อยู่ของกองทุนประกันชีวิต โดยกองทุนฯจะทำการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและเอกสารหลักฐาน และอนุมัติจ่ายเงินคืนให้กับผู้เอาประกันโดยเร็วโดยการโอนเงินผ่านช่องทางธนาคาร ต่อไป
จากการพัฒนาระบบโปรแกรมเงินกรมธรรม์ล่วงพ้นอายุความPlus+ ดังกล่าว ประชาชนสามารถตรวจสอบสิทธิในเงินกรมธรรม์ประกันภัยล่วงพ้นอายุความได้สะดวก รวดเร็ว และโปร่งใสยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อธุรกิจประกันชีวิตอันจะส่งผลให้มีการใช้ระบบประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงมากขึ้น และธุรกิจประกันชีวิต ได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจจากประชาชนส่งผลให้บริษัทประกันภัย มีความมั่นคงและเสถียรภาพ
รวมถึงช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการบริโภค การใช้จ่ายเงินภายในประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบันมีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งหากประชาชนผู้มีสิทธิ ได้รับเงินตามสิทธิดังกล่าวไป ก็จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้อีกทางหนึ่งด้วย
สำหรับปีนี้ 2564 ทางกองทุนฯ มีผู้เข้ามาขอรับเงินล่วงพ้นอายุความแล้วกว่า 4,000 ราย สูงกว่าปีที่ผ่านมากว่า 200% มูลค่ากว่า 25 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงมากกว่าปีที่ผ่านมาที่จ่ายปีละประมาณ 1,000 ราย โดยกองทุนฯ มีเป้าหมายในปี 2565 จะต้องจ่ายคืนเงินค้างกองทุนให้กับผู้เอาประกันภัยไม่น้อยกว่า 80% เนื่องด้วยระบบเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ที่ได้จัดทำขึ้นจะทำให้มีผู้เข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันวิธีการแบบเดิมก็ยังดำเนินได้ยื่นเอกสารได้ตามปกติ ฉะนั้น ทั้งสองวิธีการนี้จะผสมผสานกันคาดว่าจะทำให้ประชาชนได้รับเงินล่วงพ้นอายุความเพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบัน กองทุนประกันชีวิตมีเงินกองทุนประมาณ 1,561 ล้านบาท ซึ่งหากผู้เอาประกันภัยไม่เข้ามารับเงินล่วงพ้นอายุความภายใน 10 ปี เงินจำนวนดังกล่าวก็จะตกอยู่ภายในกองทุนทดแทนประกันชีวิต ซึ่งกองทุนฯ จำนำไปเป็นค่าดำเนินงานของกองทุนฯ เพื่อพัฒนาธุรกิจประกันชีวิตให้มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพต่อไป