9 ธันวาคม 2564 : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกับธนาคารโลก (World Bank) จัดงานสัมมนาออนไลน์ภายใต้แนวคิด Sustainable Exchange Development Series (SEEDS) in ASEAN เพื่อผลักดันการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของตลาดทุนไทย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนและรองรับการเติบโตของผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนทุกประเภท รวมถึงตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน (sustainable bond) เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2564
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ก.ล.ต. เห็นถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนาตลาดทุนไทยให้มีประสิทธิภาพ รองรับการเป็นแหล่งระดมทุนที่สำคัญของทั้งกิจการทั่วไปและกิจการที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) จึงได้ริเริ่มโครงการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (Digital Infrastructure) ที่มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Distributed Ledger Technology (DLT)
โดยเป็นการเชื่อมโยงผู้ร่วมตลาดทุกภาคส่วนเข้าด้วยกันและปรับเปลี่ยนกระบวนการตลาดทุนให้เป็นดิจิทัล 100% ตั้งแต่กระบวนการออกหลักทรัพย์ การซื้อขายเปลี่ยนมือ ตลอดจน การให้บริการภายหลังการซื้อขาย (post-trade) และยังรองรับทุกผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน รวมถึงตราสารหนี้ในกลุ่มความยั่งยืน (ESG bond)
โครงการดังกล่าวได้ถูกบรรจุในแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 (ปี 2560-2564) และได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) โดยมีสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย สมาคมธนาคารไทย และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นผู้ร่วมพัฒนาโครงการปัจจุบันมีผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทหลักทรัพย์ที่เข้าร่วมการพัฒนาและทดสอบระบบภายใต้โครงการ Sandbox ของ ก.ล.ต. แล้ว จำนวน 36 ราย
นอกจากนี้ โครงการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลยังช่วยให้กิจการสามารถระดมทุนได้รวดเร็วและมีต้นทุนที่ลดลง ผู้ลงทุนยังสามารถเข้าถึงบริการและผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนได้หลากหลายขึ้น และบริษัทหลักทรัพย์ มีกระบวนการทำงานที่เป็นอัตโนมัติช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความโปร่งใสในการดำเนินงาน อีกทั้งยังช่วยวางรากฐานของการทำธุรกรรมแบบดิจิทัลตลอดสายให้เกิดขึ้นในตลาดทุนไทย รวมทั้งช่วยสนับสนุนการเติบโตของบริการและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการลงทุนอย่างยั่งยืน (sustainable investment) ได้ต่อไป”
Ms. Birgit Hansl, Country Manager for Thailand, World Bank Group กล่าวว่า “การจัดงานสัมมนาออนไลน์ในครั้งนี้จะเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยทั้งภาครัฐบาลและเอกชนในการพัฒนาเพื่อยกระดับตลาดเงินและตลาดทุนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาตลาดทุนที่ยั่งยืนและรองรับการเติบโตของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มความยั่งยืน (ESG) ตลอดจนเสริมสร้างโอกาสในการเข้าถึงการเงินการลงทุน (financial inclusion) ซึ่งที่ผ่านมา world bank ได้เล็งเห็นความสำคัญของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลจึงได้มีการจัดตั้ง blockchain innovation lab ขึ้นในปี 2017 เพื่อสนับสนุนและศึกษาการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาปรับใช้ในเชิงการพัฒนาด้านต่าง ๆ รวมถึงด้านตลาดทุน และปัจจุบันได้มีการทดลองออกและเสนอขายตราสารหนี้ผ่านระบบบล็อกเชน
โดยเชื่อว่าเทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยให้กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมตราสารหนี้ มีความเป็นอัตโนมัติมากขึ้น ลดการทำงานแบบ manual ลดต้นทุนในการออกตราสารหนี้ ช่วยเพิ่มความโปร่งใสในการทำธุรกรรมโดยสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ และมีความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์”
การสัมมนาครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารโลก (World Bank) โดยมีวิทยากรจากบริษัท Baker & McKenzie ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้พัฒนาและให้บริการระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และผู้แทนจากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) มานำเสนอและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการพัฒนาโครงการ รวมถึงผู้แทนจากหลากหลายประเทศเข้าร่วมช่วงเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ ตลอดจนแบ่งปันบทเรียนสำคัญที่ได้เรียนรู้จากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาและตอบโจทย์ที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมให้ตลาดทุนมีสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมความยั่งยืน