21 ตุลาคม 2559 : กองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. เชิญชวนประชาชนน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการประหยัดอดออมตามรอยเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช โดยการเริ่มต้นออมในวันนี้ที่ยังมีกำลังทำงาน เพื่อคุณภาพชีวิตที่พออยู่พอเพียงในอนาคตยามชราภาพ
นายสมพร จิตเป็นธม เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับหลักความพอเพียงในหลายวาระโอกาส ดังในครั้งหนึ่งที่ว่า “ให้พอเพียงก็หมายความว่า มีกิน มีอยู่ ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่หรูหราก็ได้แต่ว่าพอ” หรือที่ทรงมีพระราชดำรัสตอนหนึ่งเกี่ยวกับการออม คือ “การประหยัดอดออมเป็นรากฐานในการสร้างตัวสร้างฐานะของบุคคล”
โดยพระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีของการดำรงชีวิตอย่างประหยัด เรียบง่าย และพออยู่พอเพียงมาโดยตลอด ซึ่งหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้เองที่เป็นแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนให้กับทุกระดับในสังคม ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ เพื่อให้ประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่มีความพอประมาณ อย่างมีเหตุผลและมีภูมิคุ้มกัน
ซึ่งการออมกับ กอช. ก็เป็นอีกรูปแบบการออมที่ส่งเสริมให้ประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยให้ได้มีโอกาสออมในวันนี้ที่ยังมีแรงทำมาหากิน ยังพอมีรายได้ที่จะแบ่งมาออม เพื่อที่ในอนาคตจะได้มีบำนาญเลี้ยงชีพตามสมควร ได้มีวิถีชีวิตที่พออยู่พอเพียงสามารถพึ่งพาตนเองได้ในระดับหนึ่ง
ปัจจุบัน กอช. มีสมาชิกจำนวนกว่า 515,000 ราย กว่าครึ่งหนึ่งเป็นเกษตรกร และส่วนใหญ่มีอายุราววัยกลางคนขึ้นไป ส่วนกลุ่มเยาวชนและคนในช่วงวัยเริ่มต้นทำงานยังมีจำนวนไม่มาก ทั้งที่คนกลุ่มนี้หากมีการออมตั้งแต่อายุยังน้อย จะทำให้มีระยะเวลาออมนานหลายปี จึงมีโอกาสได้รับเงินบำนาญต่อเดือนเมื่อเกษียณอายุจำนวนมากกว่า ซึ่งเป็นไปตามจำนวนเงินออมที่มี โดยบำนาญนั้นจะเป็นภูมิคุ้มกันให้สมาชิกได้มีคุณภาพชีวิตที่มั่นคงพออยู่พอเพียงไปได้จนตลอดชีวิต
“ด้วยเหตุนี้ กอช. จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนร่วมกันตามรอยเบื้องพระยุคลบาท โดยเฉพาะเยาวชนและคนรุ่นใหม่ หรือคนที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตการทำงาน เริ่มมีรายได้ ถ้างานที่ทำเป็นอาชีพอิสระและไม่มีนายจ้าง ก็สามารถเริ่มต้นการออมได้โดยมีรัฐบาลช่วยสนับสนุนโดยจ่ายเงินสมทบเพิ่มให้ด้วยอีกทางหนึ่ง ซึ่งจะทำให้เงินออมมีปริมาณเพิ่มพูนขึ้นได้อย่างรวดเร็วกว่าช่องทางการออมอื่น และเป็นการออมที่มีความยั่งยืนในตัวเองจากการที่ไม่เพียงประชาชนเท่านั้นที่มีการออม หากแต่ภาครัฐเองก็ได้ออมด้วยเพื่อเป็นการลดภาระการเงินการคลังในการดูแลผู้สูงอายุในอนาคต” นายสมพรกล่าว