WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันอาทิตย์ ที่ 24 พฤศจิกายน 2567 ติดต่อเรา
หุ้นจีนยังน่าลงทุนอยู่ไหม?

15 พฤศจิกายน 2564  :  ช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนมีความผันผวนค่อนข้างมาก แม้ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนยังมีมุมมองเชิงบวกในระยะยาวต่อการลงทุนในตลาดหุ้นจีนก็ตาม แต่เพื่อสร้างความเข้าใจให้กระจ่างขึ้นเพื่อช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจในการลงทุนตลาดหุ้นจีนได้ง่ายขึ้น ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้มีมุมมองต่อตลาดหุ้นจีนไว้อย่างน่าสนใจโดยระบุว่า เศรษฐกิจจีนในระยะยาวยังคงแข็งแกร่ง

สะท้อนได้จากการที่รัฐบาลจีนได้กลับมาทำ Deleveraging อีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ดี แนวโน้มของเศรษฐกิจจีนในระยะสั้นๆ ยังคงมีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลง  ทั้งจากปัญหาการขาดแคลนพลังงาน และแรงกดดันจากนโยบายภาครัฐที่มีการบังคับใช้ออกมาในหลายๆ อุตสาหกรรม ซึ่งได้สะท้อนไปยังตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีนที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ทาง JP Morgan เชื่อว่านโยบายต่างๆที่รัฐบาลจีนมีการบังคับใช้ออกมาสอดคล้องกับเป้าหมายของการเติบโตในระยะยาวของจีน โดยการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคมเป็นอย่างมาก ซึ่งนโยบายเหล่านี้จะให้เกิดความเสมอภาคทางสังคมมากขึ้น และจะช่วยให้เศรษฐกิจจีนสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

ยกตัวอย่างเช่น กรณีการเพิ่มสวัสดิการประกันให้แก่พนักงานขนส่งของ Meituan ถือว่าเป็นหนึ่งในตัวอย่างของ ESG ที่ดี ซึ่งทางรัฐบาลจีนต้องการให้ภาคธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับ ESG มากขึ้น และต้องการให้เกิดการแข่งขันทางธุรกิจที่แฟร์มากขึ้นในกลุ่มธุรกิจ ecommerce หรือการเข้ามาควบคุมธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาของจีน ก็เพื่อที่จะช่วยให้ภาคครัวเรือนสามารถลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลงได้ โดยภาพรวมแล้ว ตลาดหุ้นจีนถือว่าค่อนข้างกังวลกับการบังคับใช้นโยบายของทางรัฐบาลจีน มากกว่าที่จะกังวลกับเป้าหมายของทางรัฐบาลจีน

ตลาดหุ้นจีนในปัจจุบันถูกกดดันจาก Sentiment เชิงลบของนักลงทุนเป็นอย่างมาก หลังจากที่ทางรัฐบาลจีนได้มีการบังคับใช้นโยบายที่เข้มงวดขึ้นในหลายๆ อุตสาหกรรม แม้ว่าจะส่งผลดีต่อประเทศจีนในระยะยาว แต่ในระยะสั้นๆ ได้สร้างความไม่แน่นอนในตลาดทุนของจีน โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ นักลงทุนต่างคาดหวังว่าทางรัฐบาลจีนจะมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ลงบ้าง รวมถึงคาดหวังว่าทางธนาคารกลางจีนจะมีการใช้มาตรการทางการเงินแบบผ่อนคลายเช่นเดียวกัน ซึ่งอาจจะพอช่วยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นจีนสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้างในอนาคต

ด้านมุมมองการลงทุน ผู้เชี่ยวชาญมองว่า หากนักลงทุนมีกรอบระยะเวลาการลงทุนที่ยาวเพียงพอ จังหวะนี้อาจเป็นโอกาสที่ดีในการทยอยสะสมเพิ่มเติมด้วย แต่ยังต้องติดตาม 3 ประเด็นด้วยกัน ได้แก่ อัตราการฉีดวัคซีน นโยบายทางการเงินของธนาคารกลาง และการบังคับใช้นโยบายของทางรัฐบาลจีน

ส่วนกรณีธุรกิจพลังงานสะอาดของจีนที่เป็นประเด็นในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ที่ทำให้หุ้นต่างๆในธุรกิจเหล่านี้ปรับตัวขึ้นอย่างมาก ทำให้นักลงทุนต่างคิดหนักว่าจะเอาไงต่อดี ประเด็นดังกล่าว ด้านผู้เชี่ยวชาญการลงทุนบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป จำกัด ได้สรุปเนื้อหาสำคัญเพื่อสร้างความเข้าใจให้กับนักลลงทุนมากขึ้น  

โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนให้ความเห็นเรื่องธุรกิจพลังงานสะอาดว่า หลังจากที่ทางการจีนได้ออกมาประกาศเป้าหมาย      และเตรียมงบประมาณสนับสนุนธุรกิจ Clean Energy กองทุนอีทีเอฟที่เป็นกองทุนแม่ของ P-CGREEN อย่าง KGRN ก็ได้บวกขึ้นสูง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลัก ได้แก่

1. คณะรัฐมนตรีของจีน (State Council) ได้ตั้งเป้าหมายสำหรับการผลิตพลังงานจากพลังงานสะอาดให้ได้อย่างน้อย 20%,  25%, และ 80% ภายในปี 2025, 2030, และ 2060 ตามลำดับ ส่งผลให้ธุรกิจพลังงานสะอาดต่างๆ และธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าตอบรับในเชิงบวกอย่างชัดเจน 2. สำนักงานบริหารพลังงานแห่งชาติจีน (National Energy Administration: NEA) และ ธนาคาร ICBC ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อร่วมกันพัฒนาธุรกิจพลังงานสะอาดและเพื่อการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยธนาคาร ICBC เตรียมให้การสนับสนุนทางการเงินมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านหยวนสำหรับธุรกิจเหล่านี้ 

3. มณฑลซานซี (Shanxi) ของจีน หนึ่งในมณฑลที่มีการผลิตถ่านหินมากที่สุดในประเทศ ได้ประกาศว่าจะมีการเปลี่ยนไปสู่การใช้พลังงานสะอาดมากยิ่งขึ้น โดยวางแผนที่จะมีอัตราการติดตั้งอย่างน้อย 50% และจะผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดให้ได้อย่างน้อย 30% ภายในปี 2025

ขณะที่ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า หลังจากที่บริษัทผู้ให้บริการเช่ารถยนต์รายใหญ่ในอเมริกาอย่าง Hertz Global Holdings ได้ประกาศว่าจะซื้อรถยนต์จาก Tesla จำนวน 100,000 คัน ภายในปี 2022 ก็ทำให้ราคาหุ้นของ Tesla พุ่งขึ้นไปกว่า +12.66% และทำให้ Tesla มี Market Cap มากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐได้สำเร็จ ดีลนี้จะทำให้ Tesla สามารถเพิ่มยอดขายและรายได้กว่า 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังเป็นโอกาสในการเพิ่มจำนวนลูกค้าของ Tesla ในอนาคต ทั้งลูกค้ารายบุคคล และลูกค้าบริษัทผู้ให้เช่ารถยนต์รายอื่นๆอีกด้วย

ในส่วนของบริษัท Hertz นั้นก็ได้รับผลดีเช่นกัน นอกจากจะสามารถเพิ่มจำนวนรถยนต์ให้เช่าได้แล้ว บริษัทก็จะมีสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าต่อรถยนต์ให้เช่าทั้งหมดเป็น 20% ซึ่งส่งผลดีต่อการลงทุนใน ESG ของบริษัท และแสดงให้เห็นถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของบริษัทได้ดียิ่งขึ้น จากข้อมูลดังกล่าว หวังว่าจะช่วยเพิ่มการตัดสินใจลงทุนในหุ้นจีนผ่านการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ได้ง่ายขึ้น 

การเงิน ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP