12 พฤศจิกายน 2564 : นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในไตรมาส 3 ปี 2564 TCAP และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 1,687 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยกำไรสุทธิของบริษัทย่อยที่สำคัญจำนวน 857 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม จำนวน 413 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ มีจำนวน 1,333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นถึง 109% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน เกิดจากรายได้จากการดำเนินงานสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย
ในขณะที่ธุรกิจของบริษัทร่วมทั้งธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) และ บมจ. เอ็ม บี เค (MBK) ยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 สำหรับกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ ในงวด 9 เดือนของปี 2564 มีจำนวน 3,518 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากในไตรมาส 1 ปีก่อน TCAP มีกำไรพิเศษจากการขายหุ้นอายิโนะโมะโต๊ะ จำนวนประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียว หากไม่รวมกำไรพิเศษดังกล่าว TCAP และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 18% สะท้อนถึงการดำเนินงานที่มีการฟื้นตัวมาเป็นลำดับ”
“ถึงแม้ว่าในปีนี้ธุรกิจของบริษัทร่วมทั้ง TTB และ MBK จะยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 และมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของภาครัฐ แต่ TCAP และบริษัทย่อยยังสามารถมีผลการดำเนินงานเติบโตได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่จุดต่ำสุดในไตรมาส 3 ของปีก่อนเป็นต้นมาจนถึงไตรมาสปัจจุบัน เป็นผลสำเร็จของการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง ด้วยการปรับโครงสร้างทางการเงินเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทย่อย และการลงทุนในธุรกิจเพิ่มเติมเมื่อมีจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม
ทั้งการลงทุน 100% ในบริษัท ธนชาต พลัส จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจสินเชื่อที่มีหลักประกัน (Asset-based Financing) การปรับโครงสร้างการลงทุนในหุ้นของบริษัทย่อย 3 บริษัท (บริษัท เอ็ม บี เค ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) บริษัท ที เอ็ม โบรคเกอร์ จำกัด และ บริษัท เอ็ม ที เซอร์วิส 2016 จำกัด) ด้วยการถือหุ้น 100% ในทั้ง 3 บริษัท และการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (THANI) TTB และ MBK เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคตให้กับผู้ถือหุ้น
สำหรับ TTB นั้น TCAP ได้รับอนุญาตจาก ธปท. ให้ถือหุ้นเพิ่มเติมได้ไม่เกิน 24.99% ซึ่งฝ่ายจัดการจะพิจารณาเพิ่มสัดส่วนอย่างรอบคอบในจังหวะเวลาที่เหมาะสมต่อไป”
นายสมเจตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับไตรมาส 4 ปี 2564 และปี 2565 ภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวจากมาตรการผ่อนคลายการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ตามจำนวนผู้ได้รับวัคซีนที่เพิ่มขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงธุรกิจที่ TCAP ลงทุนอยู่ในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมด้วย ทั้งนี้ เรายังคงยึดมั่นในปณิธานที่มุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมอย่างยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ด้วยการดูแลทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มความสามารถ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสนับสนุนทุกฝ่ายให้ก้าวผ่านวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ไปด้วยกัน”