12 พฤศจิกายน 2564 : ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TQM เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2564 ว่า บริษัท ฯ มีกำไรสุทธิ 241.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.4% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายทุกช่องทาง และการบริหารและควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพและจากการควบรวมกิจการที่ได้ลงทุนในไตรมาสนี้
โดยมีรายได้รวม 851.9 ล้านบาท บริษัทฯ สร้างผลประกอบการได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทโดยยอดขายประกันภัยเติบโตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ในทุกช่องทางขาย โดยช่องทางหลักยังเป็น Tele-Sales และช่องทางออนไลน์จากฐานลูกค้าเดิมของบริษัทฯ ที่มีอยู่กว่า 2 ล้านรายและขณะเดียวกันลูกค้าใหม่ทางช่องทางออนไลน์ก็ยังคงเติบโตตามไลฟ์สไตล์ในวิถี Next Normal
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยต้นทุนและค่าใช้จ่ายการให้บริการคิดเป็น 44.2% ของรายได้รวมเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 49.1% ของรายได้รวมส่งผลให้บริษัท ฯ สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ไว้ได้ในระดับสูงที่ 51.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 49.9% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารอยู่ที่ 190.2 ล้านบาท คิดเป็น 22.3 % ของรายได้รวม
ดร.อัญชลิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 ได้มีมติเห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ของหุ้น (พาร์) จากเดิมหุ้นละ 1 บาท เป็นมูลค่าหุ้นละ 0.50 บาท ส่งผลให้หุ้นเพิ่มเป็น 600,000,000 หุ้น จากเดิม 300,000,000 หุ้น เพื่อให้บริษัทสามารถเพิ่มการกระจายการถือหุ้นบริษัทไปยังผู้ลงทุนได้กว้างขวางขึ้น และทำให้หุ้นของบริษัทมีสภาพคล่องในตลาดมากขึ้นโดยสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมทุกรายจะไม่เปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ บอร์ดยังได้อนุมัติให้บริษัทฯ มีการลงทุนในธุรกิจใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท ทีคิวซี จำกัด หรือ TQC ซึ่งเป็นธุรกิจที่ให้บริการบริหารสินไหมประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุและให้คำปรึกษาวินิจฉัยการเรียกร้องสินไหมของลูกค้าแก่บริษัทประกันภัยและบริษัทประกันชีวิต อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างครบวงจรนับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะเข้ามาส่งเสริมรายได้ให้แก่กลุ่มบริษัทฯ ให้สามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าที่วางไว้
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 บริษัทฯ ได้เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการประกันภัยออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกไลฟ์สไตล์ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้การร่วมทุนในธุรกิจของ บริษัท ทรู ไลฟ์ โบรกเกอร์ จำกัด, บริษัท ทรู เอ็กซ์ตร้า โบรกเกอร์ จำกัด และการเข้าถือหุ้นใน บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) จะเข้ามาช่วยส่งเสริมรายได้ของกลุ่มบริษัทฯ ให้ผลงานเติบโตสูงสุดต่อเนื่องถึงไตรมาส 4