10 พฤศจิกายน 2564 : นายสุทธิ รจิตรังสรรค์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยรีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ THREL เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2564 ว่า บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 20% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน เบี้ยประกันภัยต่อรับเติบโต 26% แตะ 2,292 ล้านบาท ตามการเติบโตของงานประกันชีวิตแบบร่วมพัฒนา (Non-Conventional) และงานประกันชีวิตแบบดั้งเดิม (Conventional) ที่ค่อนข้างโดดเด่น
โดยเฉพาะในไตรมาส 3/64 งาน Non-Conventional เพิ่มขึ้นกว่า 46% ทั้งจากการขยายการรับประกันจากสัญญาเดิม และสัญญาใหม่ รวมกว่า 96 ล้านบาท ขณะที่งาน Conventional เพิ่มขึ้นราว 44% จากสัญญาใหม่กว่า 180 ล้านบาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยและการดำเนินงานรวมงวด 9 เดือนแรกปี 2564 อยู่ที่ 1,970 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากค่าสินไหมทดแทน (เคลม)ที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของเบี้ยประกันภัยต่อรับ และมีการตั้งสำรองพิเศษในช่วงไตรมาส 3/64 เพื่อรองรับสถานการณ์โควิด-19 กว่า 100 ล้านบาท ขณะที่ค่าบำเหน็จสุทธิเพิ่มขึ้นราว 3%
อย่างไรก็ตาม จากประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและคุมเข้มความเสี่ยงในการรับงาน เพื่อควบคุมอัตราค่าสินไหมทดแทนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่งผลให้ Combined Ratio (COR) ลดลงต่อเนื่องเหลือ 97.2% แต่หากตัดรายการพิเศษเพื่อรองรับสถานการณ์โควิด-19 COR จะลดลงเหลือเพียง 92.2% เท่านั้น
นายสุทธิ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯได้ผนึกบริษัท วี บิลด์ แอนด์ โอเปอร์เลต ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโมบายแอปพลิเคชั่นให้บริการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มกับกลุ่มลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน นำเสนอโซลูชั่นส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ที่ร่วมพัฒนากับบริษัทประกันชีวิต เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ด้วยบริการออนไลน์ตอบโจทย์วิถีชีวิตยุค New-Normal พร้อมจับมือ “Pacific Life Re” ร่วมสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ภายใต้กลยุทธ์สร้าง New S-Curve เพื่อต่อยอดการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง หนุนภาพรวมทั้งปี 2564 เติบโตตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 146 บริษัทจดทะเบียนที่มีรายชื่ออยู่ในหุ้นยั่งยืน หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) โดยผ่านเกณฑ์การคัดเลือกให้เป็นหุ้นยั่งยืนในกลุ่มธุรกิจการเงิน (Financials) ประจำปี 2564 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้การคำนึงถึงสังคม สิ่งแวดล้อม และบรรษัทภิบาล (ESG) รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงการมีแนวทางบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดี มีการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อย่างชัดเจน