เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน, 4 พฤศจิกายน 2564 : OPPO, Orange, Deutsche Telekom และ Saint-Gobain ร่วมจัดงานประชุม CSRtech Innovation Summit ครั้งที่ 4 ที่เซี่ยงไฮ้ ภายใต้ UN (United Nations) 2030 Agenda for Sustainable Development โดยงานประชุมในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อค้นหานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อรองรับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของสิ่งแวดล้อมและสังคม ซึ่งสอดรับกับพันธกิจของแบรนด์อย่าง “Technology for mankind, kindness for the world”
โดย OPPO ได้กล่าวถึงความเข้าใจ รวมถึงประสบการณ์ในการเสริมสร้างความยั่งยืน ทั้งด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ การผลิต และการดำเนินงาน พร้อมผลักดันให้ผู้ประกอบการร่วมคิดค้นวิธีการใหม่ๆ เพื่อก้าวสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี
งานประชุม CSRtech Innovation Summit ในปีนี้ จัดขึ้นเพื่อมุ่งค้นหาโซลูชันที่เป็นนวัตกรรม ด้วย 3 เป้าหมายหลัก ได้แก่ การปกป้องโลก การขับเคลื่อนธุรกิจที่ยั่งยืน และการให้คุณค่าต่อความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ โดย งานประชุมครั้งนี้ยังเปิดโอกาสในการมีส่วนร่วมระหว่างสตาร์ทอัพกับผู้เล่นในอุตสาหกรรมและนักลงทุน ซึ่งสตาร์ทอัพสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ช่วยส่งเสริมให้บรรลุเป้าหมายข้างต้น
โดยภายในงาน OPPO ได้กล่าวถึงประสบการณ์การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลดขยะพลาสติก และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่มีน้ำหนักเบา รวมถึง trade-in service ที่ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนและลดของเสียอีกด้วย
โดยก่อนการจัดงานประชุม OPPO ได้จัดงานเวิร์กชอป CSRtech innovation and entrepreneurship ขึ้น 3 แห่ง คือ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเซินเจิ้น โดยงานเวิร์กชอปที่เซินเจิ้น OPPO ได้เชิญ Youth Programme Officer จาก United Nations Development Programme (UNDP) China มาร่วมกล่าวถึงนวัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการ รวมถึงบริษัท Voibook Technology สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่มุ่งออกแบบดีไซน์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางการได้ยินและการพูด มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือกันกับ OPPO ในโครงการ City Voice Messenger
งานประชุมในครั้งนี้ ได้รับกระแสตอบรับเข้าร่วมสมัครอย่างท่วมท้นจากบริษัทสตาร์ทอัพทั่วโลก ซึ่งมีบริษัทสตาร์ทอัพที่โดดเด่นเพียง 12 รายเท่านั้นที่ได้รับคัดเลือกให้ร่วมเสนอไอเดีย และด้วยไอเดียที่โดดเด่นของบริษัท Viobook Technology และ SATOR Tech ทำให้ทั้งสองบริษัทได้รับรางวัล Outstanding Start-up
โดยไอเดียจาก Viobook Technology คือการเป็นองค์กรเพื่อสังคมที่มีความเป็นนวัตกรรม มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อพัฒนาการสื่อสารให้แก่ผู้บกพร่องทางการได้ยินและการพูด ส่วน SATOR TECH มุ่งมอบโซลูชันแบบครบวงจรให้แก่บริษัทในเครืออุตสาหกรรมพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ และรถยนต์ ด้วยการใช้เทคโนโลยี AI ที่พัฒนาขึ้นเองและเทคโนโลยีการขับขี่แบบอัตโนมัติ
(Voibook Technology ได้รับรางวัล Outstanding Start-ups จากการมุ่งใช้เทคโนโลยี AI เพื่อพัฒนาการสื่อสารในกลุ่มผู้บกพร่องทางการได้ยินและการพูด)
ส่งเสริมความยั่งยืนผ่านพันธมิตรในอุตสาหกรรม
OPPO ได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็น Orange และ Deutsche Telekom เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยในเดือนพฤษภาคม 2564 OPPO ถือเป็นหนึ่งในบริษัทแรกๆ ที่เข้าร่วม Eco Rating Initiative ที่จัดตั้งโดยผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำในยุโรป มาช่วยประเมินประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมของโทรศัพท์มือถือ โดยพิจารณาจากวัตถุประสงค์ด้านวงจรการใช้งานผลิตภัณฑ์ (Life cycle) และตัวชี้วัดของเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งปัจจุบัน OPPO ได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ยั่งยืนที่สุด จากการเป็นโทรศัพท์มือถือที่มีความทนทาน รีไซเคิลได้ ซ่อมแซมได้ ทนต่อสภาพอากาศ และมีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
“ในฐานะกำลังสำคัญในการพัฒนาสังคม บริษัทเทคโนโลยีอย่าง OPPO ไม่เพียงแค่มีหน้าที่ส่งมอบนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อประโยชน์ด้านการค้าเท่านั้น แต่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายและปัญหาในระดับโลกด้วย” Scott Zhang, OPPO Vice President of Oversea Sales กล่าว “OPPO กำลังเดินหน้าส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมสอดรับกับพันธกิจของแบรนด์อย่าง ‘Technology for mankind, kindness for the world' ทั้งในด้านการผลิต การดำเนินงาน และการออกแบบผลิตภัณฑ์”
พันธกิจของ OPPO ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม
OPPO รับผิดชอบต่อสังคมด้วยการดำเนินงานมากมาย อาทิ การปกป้องสิ่งแวดล้อม การเพิ่มขีดความสามารถของเยาวชน ความครอบคลุมด้านดิจิทัล และการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งขับเคลื่อนภายใต้แนวคิด Virtuous Innovation ที่เป็นหัวใจหลักในการดำเนินงานทุกๆ ด้าน
(คุณ Scott Zhang, OPPO Vice President of Oversea Sales กล่าวเปิดงาน พร้อมเล่าถึงการดำเนินงานของ OPPO ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม)
OPPO ได้ผสานการพัฒนาอันยั่งยืนเข้ากับวงจรการออกแบบและการผลิตสินค้า อีกทั้งยังได้เพิ่มระบบแบบอัตโนมัติและพัฒนาระบบการประหยัดพลังงาน เพื่อลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงการใช้วัสดุรีไซเคิลในบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ และการสร้าง trade-in service เพื่อรีไซเคิลและนำโทรศัพท์มือถือเก่ามาใช้ใหม่
สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ใช้งาน ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายในระยะยาวของ OPPO จึงเกิดเป็นความร่วมมือกันระหว่าง OPPO Health Lab และสถาบันทางการแพทย์มืออาชีพ รวมถึงวิทยาลัยการกีฬา เพื่อร่วมกันพัฒนาซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และบริการที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมด้านสุขภาพ นอกจากนี้ OPPO ยังเชื่อว่า เทคโนโลยีควรมอบประโยชน์ให้แก่ทุกๆ คนได้ จึงมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้นและออกแบบให้ผู้สูงอายุใช้งานได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
โดยในสมาร์ทโฟนรุ่น OPPO Find X3 5G ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่อย่าง Color Vision Enhancement เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการมองเห็นสีในกลุ่ม Color Vision Deficiency (CVD) ให้สามารถมองเห็นเฉดสีที่ถูกต้องและคอนทราสต์ของสีที่ลึกมากขึ้นเพื่อใช้ในการแยกสีต่างๆ
นอกจากนี้ OPPO ยังทำงานร่วมกันกับพันธมิตรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ เดินหน้าร่วมส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน เช่น การร่วมมือกันระหว่าง OPPO และ United Nations Development Programme (UNDP) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรุ่นเยาว์ เสริมศักยภาพในด้านการจัดการความท้าทายต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศผ่านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี
โดยในอนาคต OPPO จะยังคงร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี พร้อมสร้างอนาคตที่เปิดกว้าง มีการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน และมีความยั่งยืนสำหรับทุกคน