18 ตุลาคม 2559 : ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ปรับลดเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับรวมในปี 2559 ลงเหลือ 16,665 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 5.0 จากที่คาดว่าจะมีเบี้ยประกันรับ 18,000 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 13% ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวเชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก ที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 7,814 ล้านบาท ลดลงประมาณร้อยละ 1.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่มีผลกำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแล้ว 734.7 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.7
ทั้งนี้ ปัจจัยที่บริษัทฯ ปรับลดอัตราการเติบโตลง เนื่องจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยที่ยังคงอ่อนแรง จากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงผันผวน โดยเฉพาะจากปัญหาเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศสำคัญ เช่น EU จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ทำให้การส่งออกไทยยังคงหดตัวแม้จะอยู่ในระดับที่ติดลบน้อยลงก็ตาม
อีกทั้ง การแข่งขันอย่างรุนแรงด้านราคาของประกันภัยรถยนต์ เป็นผลจากอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ยังคงหดตัวต่อเนื่อง โดยช่วงเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2559 ยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่เท่ากับ 429,265 คัน ลดลงร้อยละ 0.16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (โตโยต้า มอเตอร์ คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ใหม่ในปี 2559 จะหดตัวร้อยละ 7.5 หรือขายได้ประมาณ 7.4 แสนคัน) ประกอบกับผู้บริโภคระมัดระวังในเรื่องการใช้จ่ายในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเช่นนี้ ทำให้เบี้ยประกันภัยเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาตัดสินใจซื้อประกันภัยรถยนต์ ซึ่งทำให้ตลาดประกันภัยรถยนต์ยิ่งมีการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในตลาดประกันภัยรถยนต์ 2+ และ 3+
ทางด้านประกันภัยทรัพย์สิน เช่น Fire และ IAR มีภาวะการแข่งขันที่รุนแรงเช่นกัน โดยบริษัทประกันภัยต่างเสนอลดเบี้ยประกันภัยเพื่อจูงใจลูกค้า อีกทั้งการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ยังคงเป็นไปด้วยความเข้มงวด, โครงการเมกะโปรเจคส์ยังชะลอตัว ส่งผลให้งาน Engineering ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย รวมถึงการให้ความสำคัญต่อการพิจารณารับประกันภัยงานที่มี Risk ดี เพื่อให้เกิดผลดำเนินงานที่ดี ซึ่งหากพบว่างานใดภัยไม่ดี มีความเสี่ยงสูง มี Loss สูง บริษัทฯ จะมีการปรับเบี้ยประกันภัยเพื่อให้เหมาะสมกับต้นทุน ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า
อย่างไรก็ดี ถึงแม้จะปรับลดเป้าหมายเบี้ยประกันลง แต่ยังคงรักษาระดับอัตราการทำกำไร โดยเน้นการพิจารณารับประกันภัยในงานที่ดี มีความเสี่ยงในระดับที่ยอมรับได้ และให้ความสำคัญต่อการพัฒนาระบบการทำงาน ทั้งด้านรับประกันภัยและงานสินไหมทดแทนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยให้การทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่วนด้านกำไร บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าหมายกำไรจากการรับประกันภัยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10.0
สำหรับทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2559 นั้น มุ่งเน้น ให้ความสำคัญกับการขยายงานใหม่และรักษาฐานงานต่ออายุให้ได้มากที่สุด โดยเน้นการจัดทำ Risk Survey อย่างเข้มงวด และรับประกันภัยเฉพาะงานที่มีความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และมีโอกาสสร้างผลการดำเนินงานที่ดี
การขยายสาขาเพื่อให้บริการที่ครอบคลุมและอำนวยความสะดวกแก่กลุ่มลูกค้าและคู่ค้าทั่วประเทศ รวมทั้งขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ เพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยที่ผ่านมาได้ขยายธุรกิจไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยการเปิดบริษัท กรุงเทพประกันภัย (ลาว) จำกัด ณ กรุงเวียงจันทน์
การแข่งขันเฉพาะ Segment ที่วิเคราะห์แล้วเห็นว่ายังสามารถสร้างกำไรได้ เช่น รถ SUV หรือรถที่ใช้งานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ, การสนับสนุนโครงการภาครัฐด้านการประกันภัยทางการเกษตร เช่น โครงการข้าวนาปี, การให้ความสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยและบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการและสอดคล้องกับรูปแบบการดำเนินชีวิตของผู้บริโภค ตามแนวคิด Lifestyle Insurance Provider โดยในไตรมาส 4 บริษัทฯ มีการดำเนินการ ดังนี้
1. ร่วมมือกับพันธมิตรออกกรมธรรม์สำหรับคนวัยทำงานทั้งที่อยู่ในภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ คือ “ประกันภูมิภาค” ซึ่งจะให้วงเงินคุ้มครองเพิ่มมากเป็นพิเศษ กรณีถูกสัตว์ทำร้าย ซึ่งเป็นภัยที่เกษตรกรมักประสบบ่อยครั้ง และกรณีได้รับอุบัติเหตุจากเครื่องจักรขณะทำงาน ซึ่งเป็นความเสี่ยงภัยของบุคคลที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมและช่างฝีมือ
2. สนับสนุนการให้บริการแบบ Service Excellence ได้แก่ BKI iCare Application แอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือที่อำนวยความสะดวกทั้งด้านการทำประกันภัย การตรวจสภาพรถ การแจ้งเคลม การชำระเงิน และการติดต่อเรื่องอื่นๆ Tele Photo Claims ซึ่งเป็นการติดต่อรับส่งเรื่องการเคลมสินไหมทดแทนรถยนต์และภาพถ่ายผ่านแอปพลิเคชั่น Line หรือช่องทางอื่นๆ ที่ลูกค้าสะดวก และ e-Policy บริการกรมธรรม์ประกันภัยอิเล็กทรอนิกส์ที่จัดส่งในรูปแบบซอฟต์ไฟล์ให้แก่ลูกค้าเพื่อความสะดวกรวดเร็ว และช่วยลดโลกร้อน
นอกจากนี้ ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้พัฒนาต่อยอดโครงการ BKI Telematics โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่ลูกค้า ได้แก่ ส่วนลดตามระยะทางที่ขับขี่ สูงสุดถึง 20% ภายใต้โครงการ Pay As You Drive (PAYD) “ขับน้อย คุ้มมาก” เป็นส่วนลดพิเศษที่มอบให้กับลูกค้าที่ทำประกันภัย BKI Telematics ซึ่งจะคำนวณจากระยะทางการขับขี่ของลูกค้าในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ส่วนลดตามระยะทางจะขึ้นอยู่กับระยะทางการขับขี่รวมตลอดปีกรมธรรม์จากการเก็บข้อมูลของอุปกรณ์ BKI telematics ที่ลูกค้าได้ทำการติดตั้งเมื่อต้นปีกรมธรรม์ ซึ่งลูกค้ามีโอกาสที่จะได้รับส่วนลดสูงสุดถึง 20% ของเบี้ยประกันภัยต่ออายุเพิ่มเติมจากส่วนลดอื่นๆ ตามเงื่อนไขกรมธรรม์
รวมทั้งในอนาคต บริษัทฯ ได้เริ่มศึกษาและพัฒนาโครงการ Pay How You Drive (PHYD) จากการวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมการขับขี่และความเสี่ยงภัยจากช่วงเวลาการใช้รถ เช่น ช่วงเวลาการขับขี่ในชั่วโมงเร่งด่วน การขับรถในเวลากลางคืน การเบรคกะทันหัน การเลี้ยวกะทันหัน ฯลฯ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้จะถูกประมวลผลออกมาเป็นคะแนนความปลอดภัย เพื่อเป็นข้อมูลในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ และการใช้รถให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ลูกค้าที่มีคะแนนการขับขี่ที่ดีอย่างต่อเนื่อง มีโอกาสที่จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม เช่น การเข้าร่วมโครงการขับดีฟรีช้อป รวมถึงส่วนลดเบี้ยประกันภัยรถยนต์เพิ่มเติมจากส่วนของส่วนลดระยะทาง (Pay As You Drive)