17 ตุลาคม 2559 : ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TBANK ประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2559 มีผลการดำเนินงานดีขึ้นในทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำไรจากการดำเนินงานก่อนตั้งสำรองเพิ่มขึ้น 255 ล้านบาทหรือ 5.28%
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลงานไตรมาส 3 ปี 2559 ธนาคารยังคงรักษาการเติบโตของกำไรสุทธิได้อย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 7 โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 3,202 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44 ล้านบาท หรือ 1.39% จากไตรมาสก่อน
ขณะที่ กำไรจากการดำเนินงานก่อนตั้งสำรอง (Pre-Provision Operating Profit หรือ PPOP) มีจำนวน 5,084 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 255 ล้านบาทหรือ 5.28% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของฐานรายได้รวม ทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ปรับสูงขึ้น 2.83% จากส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยที่มากขึ้น และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยสูงขึ้น 9.85% จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ
ทางด้านสินทรัพย์รวมปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้ว่ายอดสินเชื่อคงค้างลดลง แต่อยู่ในอัตราที่ชะลอลงตามการปรับเพิ่มขึ้นของยอดสินเชื่อปล่อยใหม่ โดยในงบการเงินรวมของธนาคารและบริษัทย่อยมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio)ลดลงจาก 2.84% ณ สิ้นปี 2558 มาอยู่ที่ 2.44% และในงบการเงินเฉพาะของธนาคารมี NPL Ratio ลดลงจากสิ้นปี 2558 ที่ 2.20% เหลืออยู่ที่ 1.86%
ส่วนอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 136.31% ขณะที่งบการเงินเฉพาะของธนาคารมี Coverage Ratio เติบโตขึ้นมาอยู่ที่ 147.91% ด้านเงินกองทุนปรับระดับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 19.70% นอกจากนี้ ธนาคารสามารถรักษาระดับสินทรัพย์สภาพคล่อง LCR (Liquidity Coverage Ratio) ได้สูงกว่า 100% อีกด้วย
นายสมเจตน์ กล่าวเสริมว่า “ผลการดำเนินงานของธนาคารดีขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น เกิดจากการพัฒนาและปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของธุรกิจหลัก เพื่อเชื่อมโยงกระบวนการทำงานต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรให้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์และบริการ ซึ่งล่าสุดการเปิดตัว Mobile Banking ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากจำนวนฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น”