23 สิงหาคม 2564 : นางสาวสมศรี เตชะไกรศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด (LPP) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบันที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นจากปีก่อน โดยมียอดผู้ติดเชื้อรวมในประเทศเฉลี่ย 2 หมื่นคน/วัน ผนวกกับสถานการณ์ที่น่ากังวลในเรื่องของจำนวนเตียง อุปกรณ์การแพทย์ รถพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่มีไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วย ภาครัฐจึงพิจารณาให้กลุ่มผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรงหรือเป็นผู้ป่วยที่จัดอยู่ในกลุ่มสีเขียวสามารถแยกกักตัวรักษาที่บ้านได้ (Home Isolation หรือ HI) ภายใต้การประสานการติดตามอาการจากแพทย์
LPP ในฐานะผู้บริหารนิติบุคคลอาคารชุดจึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมด้วยการจัดตั้งโครงการ “Livable Community Isolation” พร้อมรองรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อที่ทวีจำนวนยิ่งขึ้น โดยให้ความดูแลและช่วยเหลือลูกบ้านในโครงการที่ LPP ดูแลกว่า 1.2 แสนครัวเรือน ใน 200 โครงการ ทั้งโครงการที่พัฒนาโดย บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) และโครงการภายนอก หรือ Non-LPN ให้ก้าวผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปพร้อมกัน
การจัดเตรียมโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ในรูปแบบการแยกกักตัวรักษาที่บ้านสำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีอาการรุนแรงหรือเป็นผู้ป่วยในกลุ่มสีเขียวนี้ LPP ได้รับการสนับสนุนด้านข้อมูลความรู้และหลักปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยแบบ Home Isolation จาก พญ. นาฏ ฟองสมุทร ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้สูงอายุ สภากาชาดไทย และกรรมการแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
โดยการจัดสัมมนาออนไลน์ให้กับคณะกรรมการทุกนิติฯ รวมถึงเจ้าหน้าที่และบุคลากรของ LPP เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันในแนวทางดำเนินการของ “Livable Community Isolation” และเพื่อให้บุคลากรในทุกชุมชนมีความพร้อมสูงสุด ในการเตรียมตัวรับมือกับการระบาดที่คาดว่าจะรุนแรงขึ้นในอนาคต
พญ. นาฎ กล่าวว่า “เมื่อผู้ป่วยลงทะเบียนเข้าระบบ Home Isolation ของภาครัฐแล้วจะมีแพทย์ให้การรักษาแบบ Telemedicine หรือผ่านอุปกรณ์การสื่อสาร โดยทีมแพทย์ผู้ดูแลจะมีการทำ VDO Call กับผู้ป่วยเพื่อติดตามอาการทุกวัน และจัดส่งอาหาร 3 มื้อ ยา และอุปกรณ์ต่างๆ ให้ผู้ป่วย
ทั้งนี้ ภายใต้งบประมาณของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งการคัดกรองผู้ป่วยติดเชื้อปัจจุบันทำได้ง่ายขึ้น เพราะรัฐเปิดให้ใช้ชุดตรวจได้ด้วยตนเอง (Antigen Test Kit) ถ้าตรวจพบว่าติดเชื้อและต้องการแยกกักตัว ณ ที่อยู่อาศัย ให้ผู้ติดเชื้อโทรแจ้งที่ 1330 หรือลงทะเบียนผ่าน QR CODE ทันที เพื่อเข้าระบบรักษาของ สปสช.”
สำหรับมาตรการดูแลและช่วยเหลือผู้ป่วยที่ LPP จัดเตรียมให้ลูกบ้านผู้พักอาศัยภายในโครงการ ในรูปแบบการแยกกักตัวภายในห้องพักอาศัยนั้น จะมีการประสานความร่วมมือกับหน่วยสถานพยาบาลต่างๆ ให้ผู้ป่วยสามารถเข้าระบบการรักษาของรัฐตามโครงการ “Home Isolation” และจะติดตามดูแลรวมถึงให้การสนับสนุนช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ จนกว่าผู้ป่วยจะได้รับความปลอดภัย อุ่นใจ และพบว่าผลตรวจเป็น Negative
นางสาวสมศรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในด้านการดำเนินการ LPP ได้กำหนดให้มีเจ้าหน้าที่ของแต่ละนิติฯ คอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ป่วยที่มีอาการไม่มากหรือไม่แสดงอาการ (ผู้ป่วยสีเขียว) ภายใต้หลักการสำคัญ คือ การอำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้านในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำ Timeline ของผู้ป่วยย้อนหลัง 7-14 วัน เพื่อแจ้งเจ้าของร่วมหรือผู้พักอาศัยทุกท่านให้สังเกตอาการของตนเอง จัดส่งอาหาร ยา รวมทั้งสิ่งของที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน
รวมถึงการจัดเตรียมแม่บ้านคอยจัดเก็บขยะเศษอาหาร ขยะติดเชื้อตามเวลาที่กำหนดทุกวันด้วยมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง พร้อมช่วยประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องหากผู้ป่วยต้องการความช่วยเหลือ รวมถึงการอำนวยความสะดวกหากผู้ป่วยต้องไปพบแพทย์ หรือหากผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลงของโรคจากผู้ป่วยสีเขียวเป็นสีเหลือง ฝ่ายจัดการจะประสานงานกับโรงพยาบาลเจ้าของไข้เพื่อให้เข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาล โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของทั้งผู้ป่วยและผู้อยู่อาศัยทุกท่าน
“สำหรับโครงการ Livable Community Isolation นี้ บริษัทให้ความสำคัญและเน้นย้ำถึงมาตรการดูแลและช่วยเหลือผู้ป่วยผ่านการดำเนินงานที่เข้มงวด ทั้งเรื่องความสะอาด ความปลอดภัยและปลอดเชื้อแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทุกคน โดยทุกขั้นตอนของการดำเนินงานจะต้องปฏิบัติตามหลักมาตรฐานความปลอดภัยที่ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำอย่างเคร่งครัด ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญในการดูแลชุมชนโดยรวม ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อเพื่อนบ้าน มีมาตรการป้องกันความเสี่ยงเพื่อความปลอดภัยของชุมชน เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขและไม่กังวลใจ ตามหลักชุมชนน่าอยู่ (Livable Community) “ร่วมใจ ห่วงใย แบ่งปัน” ของ LPP อีกด้วย” นางสาวสมศรี กล่าว