15 สิงหาคม 2564 : ภายใต้สถานการณ์โควิดที่รุนแรงกระทบการเดินทางทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเดินทางทุกประเทศ รวมถึงการทำประกันภัยเดินทางซึ่ง ทางบริษัท ทูนประกันภัย จำกัด (มหาชน) ที่จากเดิมมีรายได้เบี้ยประกันภัยมาจากการประกันเดินทางเป็นอันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม ดังนั้น จึงต้องมีการปรับกลยุทธ์ใหม่ เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันและรองรับการเติบโตในอนาคต

ต่อเรื่องดังกล่าว นายเบน อาศนะเสน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทูนประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ รวมถึงพัฒนาคู่ค้าทางธุรกิจเพิ่มเติมนอกเหนือจาก พันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง AirAsia ทั้งในกลุ่มธุรกิจไลฟ์ไตล์ โรงพยาบาล รวมทั้งยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ นอกเหนือจากประกันการเดินทาง ดังนั้นผลกระทบของแอร์เอเชียจึงไม่มีนัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท

เนื่องจากในปัจจุบันนี้ ผู้คนหันมาดูแลสุขภาพของตนเอง รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับโรคร้ายแรงมากขึ้น โดยใน 2-3 ปีนี้เราจะเน้นเรื่องประกันที่คุ้มครองสุขภาพ โดยจะเห็นได้จาก การขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายในด้านสุขภาพและไลฟ์สไตล์ ตั้งแต่ปี 2563 เรื่อยมา และล่าสุดบริษัทฯ ได้ออก แผนประกันโรคร้ายแรง มาใหม่ ภายใต้ชื่อ myFlexi CI เป็นแผนประกันโรคร้ายแรงเจ้าแรกที่เลือกความคุ้มครองโรคร้ายแรง ได้ตามที่ต้องการ รวมถึงเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมกับตนเอง ที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อประกันภัยอย่างสะดวกในช่องทางออนไลน์ รวมถึงได้รับกรมธรรม์ทันทีอีกด้วย

แผนประกัน myFlexi CI นั้นมีจุดเด่นที่น่าสนใจ คือ สามารถทำประกันให้ตัวเองหรือคนที่รักได้ ครอบคลุม 5 กลุ่มโรคร้าย โดยประกอบไปด้วย โรคมะเร็ง, โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง,โรคไตและตับ, แผลบาดเจ็บฉกรรจ์และโรคเบาหวาน โดยให้การคุ้มครองสูงสุดมากกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเลือกซื้อประกันโดยเบี้ยประกันเริ่มต้นที่หลักพัน รวมถึงปรับลดหรือเพิ่มความคุ้มครองได้ตามความต้องการ ครอบคลุมค่าชดเชยรายวัน และพยาบาลพิเศษ

โดยถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปี ถึง 60 ปี และเข้าถึงในไลฟ์สไตล์ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น กรมธรรม์ดังกล่าวให้ความคุ้มครองไปจนถึงอายุ 65 ปี อีกทั้งยังนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังได้รับบริการเสริม ฟรี อาทิเช่น บริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ Health2Go และบริการความเห็นที่สองทางการแพทย์ myEliteDoctor เพื่อให้คำปรึกษาเฉพาะทางเกี่ยวกับโรครายแรงได้อีกเช่นกัน และเราเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ประกันภัยโรคร้ายแรง myFlexi CI จะได้การตอบรับที่ดี

นอกจากนี้ Tune Protect Thailand ยังได้จัดแคมเปญพิเศษ Top 3 Shop ฟรี! กับ myFlexi Ci เพื่อตอบแทนลูกค้า เพียงซื้อผลิตภัณฑ์ประกันโรคร้ายแรง myFlexi CI ตามเงื่อนไข* ลูกค้าจะได้รับสิทธิเศษ อาทิ Top ที่ 1 รับโค้ดส่วนลด Lazada มูลค่า 700 บาท (ลำดับที่ 1-50) Top ที่ 2 รับบัตร Gift card จาก Amazon Coffee มูลค่า 300 บาท (ลำดับที่ 51-150) และ Top ที่ 3 รับบัตร Lotus Gift Card มูลค่า 100 บาท (ลำดับที่ 151-400) รวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท

ซึ่งผู้เอาประกันภัยจะได้รับ 1 สิทธิ์ต่อ 1 กรมธรรม์ รวมจำนวนทั้งสิ้น 400 สิทธิ์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2564 ถึง 30 พฤศจิกายน 2564 หรือจนกว่าจะครบสิทธิ์ แคมเปญพิเศษนี้ลูกค้าสามารถติดตามได้ผ่าน Facebook Tune Protect Thailand ทั้งนี้รายละเอียดและเงื่อนไขของแคมเปญพิเศษ เป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

นายเบน กล่าวต่อไปถึงช่วงครึ่งปีหลัง 2564 ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์โควิด เราก็ยังมั่นใจว่าบริษัทฯจะสามารถเติบโตอย่างน้อย 15-20% (Double Digit Growth) ในทุกๆ ปี เพราะเราเห็นโอกาสในการเติบโตของตลาดประกันภัยได้อีกมากในประเทศไทย โดยมีการวางแผนเรื่องการกระจายความเสี่ยงไว้ล่วงหน้า (Diversified Risk) พร้อมๆ กับพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น ประกันสุขภาพ เพิ่มมากขึ้น

"Mission ของบริษัทฯ คือ การเป็นบริษัทประกันภัยที่ทุกคนรัก หรือ To be the lifestyle Insurer that everyone LOVES เราจึงให้ความสำคัญกับทุกช่องทางการจัดจำหน่ายเพื่อเข้าถึงลูกค้าอย่างมากที่สุด โดยเน้นไปที่ช่องทางที่เป็นดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นช่องทางบนเว็บไซต์ของเราที่เป็น e-Commerce มี ฟังค์ชั่นการใช้งาน UX และ UI ที่ง่ายและสะดวกต่อลูกค้า หรือช่องทางพาร์ทเนอร์ต่างๆ ที่เป็นดิจิทัลซึ่งลูกค้าสามารถเข้าถึงได้แค่ปลายนิ้ว และสอดรับกับยุคนี้ที่ลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรมสู่การซื้อออนไลน์แบบ Contactless ซึ่งทำให้ประสบการณ์ของลูกค้าง่ายขึ้นและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันที่เติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ความต้องการ ตามสโลแกนของเรา Insurance Simplified

โดยปัจจุบัน เราให้ความสำคัญกับช่องทางที่หลากหลาย ทั้ง ผ่านช่องทางคู่ค้า ตัวแทน โบรกเกอร์ โทรศัพท์ และช่องทางดิจิทัล ซึ่งช่องทางดิจิทัลเป็นช่องทางที่เราให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ทุกที่ทุกเวลาแบบ Seamless Experience ซึ่งลูกค้าก็ได้สัมผัสประสบการณ์ในการซื้อแบบ e-Commerce ครบ จบ รับความคุ้มครองทันที

ปัจจุบันนอกจากเว็บไซต์ใหม่ที่ถือเป็นช่องทางดิจิทัลหลัก ที่สามารถวัดผลเชื่อมโยงไปยังการขายได้ ยังสามารถเชื่อมโยงกับพาร์ทเนอร์ดิจิทัลด้วย API Gateway หรือระบบการเชื่อมต่อกับระบบของบริษัทฯ เพื่อให้ทุกพาร์เนอร์ดิจิทัลทำงานกับบริษัทฯ ได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น การขยายช่องทางการขายกับคู่ค้าดิจิทัลนี้ ทำให้เรามีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ และช่วยให้เข้าถึงฐานลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งปีนี้จะมีการพูดคุยกับอีกหลายพาร์ทเนอร์ รวมทั้งในปีหน้าก็จะมีอะไรใหม่ๆ ที่เป็นดิจทัลอีกมากเช่นกัน" นายเบน กล่าวสรุป