10 ตุลาคม 2559 : ดูท่าจะไม่จบง่ายๆซะแล้ว สำหรับประเด็นร้อนที่ยืดเยื้อมานานข้ามปีข้ามชาติของบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG ที่ดันเล่นผิดกติกาจนถึงขั้นต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันเลยทีเดียว จากการที่ NMG กีดกันไม่ให้ผู้ถือหุ้นบางรายเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นตามเงื่อนไขที่ทางตลาดหลักทรัพย์ระบุไว้
หากย้อนเวลากลับไปเมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2558 ณ ห้องแลนด์มาร์ค บอลรูม ชั้น 7 โรงแรมเดอะแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ ได้มีการถกกันระหว่างผู้บริหารชุดเดิมของบริษัท และกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่คือ บริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NEWS อย่างดุเดือด เนื่องจากก่อนจะเริ่มประชุมดังกล่าวบรรดาผู้ถือหุ้นได้เริ่มทยอยเตรียมเข้าร่วมประชุมฯครั้งสำคัญนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็ได้มีแจ้งจากผู้ถือหุ้นรายย่อยบางรายที่นำใบหุ้นไปแสดงเพื่อขอเข้าร่วมประชุมกลับได้รับการปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าร่วมประชุม โดยอ้างว่าไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บริหารระดับสูงของ บมจ.เนชั่นฯ ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นดังกล่าวมีใบหุ้นและใบมอบอำนาจ แต่ไม่ได้มีการชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมแต่อย่างใด และจากเหตุการณ์วันนั้น
ทนายความที่ได้รับมอบอำนาจจาก NEWS ได้เข้าแจ้งความข้อหาถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวไม่ให้เข้าประชุมผู้ถือหุ้น NMG ทั้งที่เตรียมเอกสารมาครบถ้วนและมั่นใจว่าถูกต้อง มีสิทธิเข้าประชุมได้ และหลังจากนั้นอีก 2 วันก็ได้ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งและศาลอาญาเพื่อดำเนินคดีกับคณะกรรมการบริหาร NMG ที่กระทำผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ต่อไป
นับจากวันนั้นถึงวันนี้ คำพิพากษาศาลจังหวัดพระโขนงก็ได้ออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 พ.ค. 59 ระบุว่า ศาลจังหวัดพระโขนง วันนี้ 16 พ.ค.ได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 780/2589 ที่ บริษัทนิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปเปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลยในคดีแพ่ง เพื่อเพิกถอนมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558 และให้การประชุมดังกล่าวเป็นโมฆะ
ล่าสุด ทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) ออกมาเปิดเผยว่า กรรมการบริษัท NMG ทั้ง 8 ราย มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจเป็นกรรมการและผู้บริหาร ประกอบด้วย 1) นายปกรณ์ บริมาสพร 2) นายเชวง จริยะพิสุทธิ์ 3) นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ 4) นางสาวเขมกร วชิรวราการ 5) นายพนา จันทรวิโรจน์ 6) นางสาวดวงกมล โชตะนา 7) นายเสริมสิน สมะลาภา 8) นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น สืบเนื่องจากพนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องกรณีไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด ในการประชุมผู้ถือหุ้น ทำให้ขาดความน่าไว้วางใจในการบริหาร และตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค. 2559 บุคคลทั้ง 8 รายจะไม่สามารถดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนใด ๆ ตลอดระยะเวลาที่ถูกดำเนินคดี
เอาละสิ!!! ในเมื่อก.ล.ต.ออกเอกสารเผยแพร่อย่างเป็นทางการซะขนาดนี้ ทางNMG ถึงกับลุกเป็นไฟ กล่าวอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมและขัดแย้งกับคำสั่งศาลฯ พร้อมระบุผ่านสื่อ ว่า ก.ล.ต. “แบล็คลิสต” ไม่ชอบธรรม ชี้คำสั่ง ก.ล.ต.ขัดต่อสิทธิขั้นพื้นฐาน ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง ซึ่งทางอดีตกรรมการเนชั่น ได้ร้องขอความเป็นธรรม กรณีสำนักงาน ก.ล.ต.ให้พ้นตำแหน่งเพราะขาดความน่าไว้วางใจ ชี้เป็นคำสั่งที่ไม่มีความชอบธรรม ไม่เปิดโอกาสให้ชี้แจง ขาดหลักการกำกับดูแลที่ดี และมีมุมมองแตกต่างจากศาลอย่างสิ้นเชิง
ด้าน ก.ล.ต. เห็นเช่นนั้น ไม่รอช้าส่งเอกสารตอบกลับกรณีที่มีประเด็นสอบถามเรื่องคำพิพากษาศาลจังหวัดพระโขนงว่า จะมีผลต่อการดำเนินการของ ก.ล.ต. ที่ได้แจ้งบุคคล 8 ราย ว่ามีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจเป็นกรรมการและผู้บริหาร เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2559 หรือไม่นั้น
ก.ล.ต. ขอแจ้งว่า คดีที่ศาลจังหวัดพระโขนงได้มีคำพิพากษาเป็นคดีแพ่งซึ่งผู้ถือหุ้นของ NMG ได้ยื่นฟ้องต่อ NMG และกรรมการของบริษัท อย่างไรก็ดี การดำเนินการของ ก.ล.ต. เป็นผลสืบเนื่องจากการสั่งฟ้องคดีอาญาของพนักงานอัยการในเดือนสิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งการสั่งฟ้องของพนักงานอัยการดังกล่าวเป็นผลให้บุคคลทั้ง 8 ราย มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจตามประกาศของคณะกรรมการ ก.ล.ต. จึงไม่สามารถดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนใด ๆ ไปจนกว่าการดำเนินคดีอาญาจะสิ้นสุด ซึ่งผลของคำพิพากษาในคดีแพ่งของศาลจังหวัดพระโขนงจะเป็นคุณต่อบุคคลทั้ง 8 ราย ในคดีอาญาหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ซึ่ง ก.ล.ต. มิอาจก้าวล่วงได้
ทั้งนี้ ก.ล.ต. ขอชี้แจงว่า กระบวนการพิจารณาของ ก.ล.ต. ในกรณีดังกล่าวได้เริ่มขึ้นและดำเนินไปตามขั้นตอนอย่างรัดกุม นับตั้งแต่วันที่ ก.ล.ต. ได้รับทราบเรื่องการสั่งฟ้องคดีอาญาของพนักงานอัยการ โดย ก.ล.ต. ได้มีการประสานงานกับสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร และหารือผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย เพื่อให้แน่ใจว่าได้ข้อเท็จจริงและความเห็นที่ครบถ้วนเพียงพอ ซึ่งการดำเนินตามที่กล่าวได้แล้วเสร็จก่อนที่ศาลจังหวัดพระโขนงจะมีคำพิพากษาในคดีแพ่งดังกล่าว
อย่างไรก็ดี บุคคลทั้ง 8 ราย มีสิทธิที่จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายซึ่งถือเป็นสิทธิอันชอบธรรมของบุคคลทั่วไปภายใต้กรอบของกฎหมาย ก.ล.ต. ยืนยันว่า การดำเนินงานของ ก.ล.ต. ยึดหลักความซื่อตรง และเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของ ก.ล.ต. ภายใต้ขอบเขตของกฎหมายที่มี
“การดำเนินการของ ก.ล.ต. เป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขของประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่กำหนดไว้ชัดเจน ซึ่งเมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วพบว่าเข้าองค์ประกอบ บุคคลกลุ่มดังกล่าวก็จะขาดคุณสมบัติในทันที ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ ก.ล.ต. ไม่สามารถใช้ดุลยพินิจให้เป็นอื่น“ นายสมชาย พงษ์พัฒนาศิลป์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวสรุป